
จากกรณีที่ป้านำหลานสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ วัย 15 ปี เข้าร้องมูลนิธิเป็นหนึ่งโดนพ่อเลี้ยงชาวไทยข่มขืนกระทำชำเรา มาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นป.6 จนถึง ม.3 โดยมีแม่ทาสพนันรู้เห็นเป็นใจให้พ่อเลี้ยงกระทำกับลูกสาวตัวเอง แม้แต่ในบ้านพ่อฝรั่งที่กำลังป่วยหนักใกล้หมดลมหายใจ เพื่อแลกกับเงิน 1000 บาทจากพ่อเลี้ยง นำไปให้แม่ โดยไม่ให้ลูกไปสุงสิงกับญาติ ทำให้ต้องกล้ำกลืนฝืนทน บอกใครไม่ได้ หลังพ่อเสียชีวิตไม่มีที่พึ่ง หลานสาวตัดสินใจเล่าให้ป้าและญาติพี่น้องฟัง จนต้องร้อง ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พอฟังเรื่องราวแล้วรู้สึกสะเทือนใจ ได้ประสาน พมจ.อุดรธานี พาเด็กสาวเข้าแจ้งความ ดำเนินคดีกับแม่และพ่อเลี้ยงจนถึงที่สุด เหตุเกิดวันที่ 10 มกราคม 2568 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น






ต่อมาเวลา 13.30 น. วันที่ 10 มกราคม พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.ท.พิเชฐ์ ปักเคธาติ สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจพร้อมหมายเรียกพนักงานสอบสวน ไปเชิญตัวนางณัฐ อายุ 38 ปี แม่ น.ส.เอ จากบ้านเช่าแห่งหนึ่งในเมืองอุดรธานี และนายอ๋อง อายุ 60 ปี (นายกิจชัย กสิเจริญ) พ่อเลี้ยง ซึ่งทำงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ให้มาพบตำรวจที่ สภ.เมืองอุดรฯ หลังถูกป้าและ น.ส.เอ เข้าแจ้งตำรวจหลังจากโดนนายอ๋อง ข่มขืนกระทำชำเรามานาน 4 ปี และครั้งสุดท้ายเมื่อ 26 ธันวาคม 2567 โดยมี น.ส.ณัฐ แม่แท้ๆ รู้เห็นเป็นใจ พอน.ส.ณัฐ มาถึงนางนก ได้เข้ามาถามทำอะไรกับลูกเอาไว้ แล้วตบหน้าน.ส.ณัฐ หนึ่งครั้ง ก่อนมีการโต้เถียงกัน ตำรวจต้องเข้ามากันห้ามเอาไว้ แล้วให้ น.ส.ณัฐ เข้าไปในห้องชุดสืบสวน โดยมี พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก. พ.ต.ท.ดิษฐวัฒน์ ถาวรสินพงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) เป็นผู้สอบปากคำ โดยไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปบันทึกภาพ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงควบคุมตัวนายอ๋อง และนางณัฐ ส่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี”
ขณะตำรวจควบคุมตัวไปดำเนินคดี สื่อมวลชนได้สอบถามนายอ๋องว่า ได้ข่มขืนลูกเลี้ยงหรือไม่ แต่นายอ๋องและนางณัฐ ไม่ยอมตอบข้อซักถาม เป็นจังหวะเดียวกันมีนายอ๊อด อายุ 38 ปี ญาติ น.ส.เอ ได้วิ่งผ่าตำรวจเข้ามาพยายามชกหน้านายอ๋อง แต่ตำรวจได้กันตัวออกไป และนำทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล เปิดเผยว่า หลังจากได้รับประสานจากคุณต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ พมจ.อุดรธานี ก็ได้นำเด็กและญาติ มาแจ้งความ เมื่อสอบสวนได้รายละเอียด จากนั้นได้สั่งให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี, ชุดสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี และชุด ปดส.ร่วมกันติดตามแม่ และพ่อเลี้ยง ซึ่งอยู่บ้านเดียวกันมา 6-7 ปี มาสอบสวนที่โรงพัก จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ให้การรับสารภาพ พ่อเลี้ยงสารภาพว่าเริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 11-12 ขวบ เมื่อมีความสัมพันธ์แล้วให้เงิน ช่วงแรกก็ขอเงิน 500-1000-1500 บาท ส่วนน้องได้ปรึกษาแม่ แต่แม่ก็บอกว่าให้ทำตามและยอมเขาไป
ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวต่อไปว่า พ่อเลี้ยงให้เงิน น.ส.เอ 1500 บาท แม่จะแบ่งเอา 1000 บาท ถือว่าแม่ได้ประโยชน์จากการกระทำนี้ และรู้ว่าพ่อเลี้ยงทำอะไรกับลูก แต่ก็ไม่ได้ห้าม และไม่ปกป้อง ซึ่งได้แจ้งข้อหาพ่อเลี้ยง “ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก” ส่วนแม่เข้าข่าย “ค้ามนุษย์” หลักฐานชัดเจน เพราะเมื่อแม่ได้เงินจากลูกก็จะนำมาซื้อยาบ้าเสพวันละ 2-3 เม็ด และจากการตรวจปัสสาวะพบว่าฉี่เป็นสีม่วง มีสารเสพติดในร่างกาย แต่พ่อเลี้ยงไม่เสพ
นายอ๊อด อายุ 38 ปี ลุงเขย น.ส.เอ ผู้ปรี่เข้าไปชกนายอ๋อง กล่าวถึงความรู้สึกว่า ตนอดใจไม่ไหว คิดว่ามันเกินคน ตนเคยเห็นหน้านายอ๋องมาประมาณ 2-3 ครั้ง วันนี้ตนยังจำไม่ได้เลย แต่แฟนตนได้บอกว่าเป็นนายอ๋อง ซึ่งนายอ๋องเป็นชู้กับนางณัฐ พอตนเห็นหลักฐานเป็นคลิปเสียงของหลานสาว และการแชท มันเกินไป เด็กโดนกระทำตั้ง 3-4 ปี ทนได้อย่างไร ส่วนแม่เด็กผมพูดไม่ออก รู้แต่ว่าชั่ว ตนกับแม่เด็กไม่ค่อยสุงสิงกัน ส่วนจะตัดขาดจากความเป็นญาติ ก็ให้แล้วแต่แฟนตน ส่วนการไปอยู่กับญาติคนไหน แล้วแต่เด็กจะตัดสินใจ เพราะเด็กโดนกระทำมามากแล้ว
“อยากถามนายอ๋องว่า ทำไมมึงกล้าทำ ขนาดมึงเป็นชู้กับเมียเขา มึงยังเอาลูกเขาอีก ผัวเขานอนป่วย ยังกล้าข่มขืนลูกเขา อยากให้ติดคุกนานๆ เอาให้ถึงที่สุดไปเลย”
ส่วน น.ส.โอ อายุ 41 ปี เพื่อนรุ่นพี่นางณัฐ กล่าวว่า ตนเคยเข้าไปที่บ้านฝรั่ง 4-5 ครั้ง เพื่อเข้าไปดูนางณัฐ ว่ามีสภาพจิตใจเป็นอย่างไรหลังจากสามีฝรั่งเสียชีวิต และไปดูหลานสาวถึงอาหารการกิน เห็นหลานมีอาการซึมประมาณ 2 วัน จากนั้นก็เป็นปกติ และพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสคุยเพราะยุ่งคุยกับนางณัฐเรื่องสามีฝรั่งที่เสียชีวิต จึงไม่ได้ถามหลาน ตนเคยสอบถามนางณัฐว่า ไม่กลัวว่าสามีใหม่ทำอะไรลูกเหรอ แต่นางณัฐยืนยันว่าไม่มีอะไร เพราะเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เด็ก และเด็กก็รักและเคารพเหมือนพ่อ
น.ส.โอ กล่าวต่อไปว่า นางณัฐเท่าที่ดูก็ปกติดี เพราะอยู่คนละบ้านกับลูก ถ้าเข้ามาบ้านเห็นลูกทำอะไรไม่เรียบร้อย ก็จะมีอารมณ์ฉุนเฉียว โมโห ไม่ถูกใจ ขัดใจ แต่ไม่ผิดปกติ รู้ว่าเขาป่วยเป็นไบโพล่าร์ อารมณ์รุนแรง นางณัฐแต่งงานกับสามีฝรั่งมา 20 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน คือ น.ส.เอ ซึ่งสามีฝรั่งไม่เคยมีครอบครัวหรือบุตรมาก่อน ส่วนนายอ๋องคบหาและอยู่ด้วยกันมา 7 ปี มีลูกชาย 1 คน แต่แยกกับสามีฝรั่งนานแล้ว เพื่อมาอยู่กับนายอ๋อง ซึ่งนายอ๋องมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่สามีฝรั่งก็ช่วยเหลือในเวลาขัดสน ซึ่งนายอ๋องจะอาสามารับสามีฝรั่งพาไปฟอกไต อาสามารับและส่ง น.ส.เอ ไปโรงเรียน
“หลังจากทราบว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็รู้สึกตกใจ โดยพฤติกรรมทุกคนปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต แม้กระทั่งตัวหลานเอง ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน เจ้าหน้าที่เข้าไปเชิญตัว คิดว่ามาประสานเรื่องศพสามีฝรั่งที่อยู่โรงพยาบาล ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ส่วนนางณัฐก็ไม่เล่าเรื่องอะไรให้ฟัง”