
ที่ลานพระอนุสาวรีย์พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้ไปเป็นประธานพิธี “วันที่ระลึกการตั้งเมืองอุดรธานี ปีที่ 132”โดยมี มล.สุพิชาน์ ทองใหญ่ นำทายาทราชสกุลทองใหญ่ ดร.มล.สรี กิติยากร นายวุฒิศักดิ์ รัตนสุบรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และนายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผวจ.อุดรธานี ที่นำหัวหน้าส่วนราชการ- ภาคเอกชนทุกภาคส่วน พ่อค้าประชาชน รวมประมาณ 4 หมื่นคนเศษ เข้าร่วมในครั้งนี้








หลังพิธีสงฆ์ และพิธีบายศรีสู่ขวัญเมืองอุดรธานี โดยพราหมณ์เสร็จแล้ว ก็เป็นการรำบายศรีสู่ขวัญเมืองอุดรธานี โดยชมรมครูนาฎศิลป์จังหวัดอุดรธานี จำนวน 132 คน จากนั้นนายพลากรฯ พร้อมด้วยคณะทายาทราชสกุลทองใหญ่ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประกอบพิธีบวงสรวงสังเวยโดยเครื่องบวงสรวง แล้วพราหมณ์อ่านโองการบวงสรวง เสร็จแล้วประธานในพิธีได้อ่านประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี
“อุดรธานี เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ ทรงย้ายกองบัญชาการมณฑลลาวพวน เมืองหนองคาย มาตั้งที่ใหม่ที่ บ้านเดื่อหมากแข้ง หลังจากที่ฝรั่งเศสได้นำเรือรบไปปิดแม่น้ำเจ้าพระยา จนไทยต้องยอมเสียประเทศลาวให้ฝรั่งเศส และได้ทำสัญญากันที่จะให้ทั้ง ไทยและฝรั่งเศสตั้งกองทหารห่างจากแม่น้ำโขงข้างละ 25 กม. และพระองค์ได้ทรงมาตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวน ที่บ้านเดื่อหมากแข้ง เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2436 ในสมัย รศ.112”
นายพลากรฯ กล่าวต่อไปว่า พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ทรงเป็นนักการทหาร นักปกครองที่ทรงพระปรีชาสามารถยิ่ง อีกทั้งทรงเชี่ยวชาญในศิลปะ วิทยาการหลายแขนง ในด้านทหาร ทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญคือ แม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ ที่ยกกำลังไปปราบปรามพวกฮ่อ ณ มณฑลลาวพวน ผู้บัญชาการทหารเรือ และเสนาบดีกระทรวงกลาโหม โดยศาสตราวุธทั้ง 3 องค์ ที่อัญเชิญมานี้ ประกอบไปด้วยพระแสงหอก 1 องค์ และพระแสงง้าว 2 องค์ ได้รับมอบจาก นายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นทายาทราชสกุลสืบเชื้อสายทางมารดา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 และนำมาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี ศาสตราวุธทั้ง 3 องค์นี้ มีความสำคัญเนื่องจากเป็นศาสตราวุธประจำพระองค์ ที่ทรงใช้พิทักษ์รักษาบ้านเมืองและสร้างรากฐาน พัฒนาบ้านเมืองให้มีความเจริญรุ่งเรือง ประชาชนได้อยู่อาศัยอย่างอยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา
พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ ทรงสร้างและวางรากฐานจากหมู่บ้านชนบทจนเป็นเมืองอุดร ซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็นจังหวัดอุดรธานี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าวันนี้เป็นวันก่อตั้งเมืองอุดรธานี และได้ยึดถือว่า วันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันก่อตั้งอุดรธานี สำหรับในวันที่ 18 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบในการก่อตั้งเมือง 132 ปี ทางจังหวัดอุดรธานีได้ร่วมมือ กับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดงานเฉลิมฉลองวันก่อตั้งเมืองอุดรธานี อย่างยิ่งใหญ่ถึง 3 วันคือ 17 – 19 ม.ค.โดยจัดในมิติวัฒนธรรม เป็นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการจัดงาน ในครั้งนี้ เพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณและพระเกียรติคุณ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี
หลังจากนั้นก็เป็นการรำบวงสรวง นำโดยคณะครูสอนรำจากชมรมครูนาฎศิลป์จังหวัดอุดรธานี จำนวน 132 คนร่วมกับข้าราชการพ่อค้าประชาชนที่มาลงทะเบียนการรำบวงสรวง พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ ในครั้งนี้ 4 หมื่น 2 พันคนเศษ ในจำนวนนี้มี่ ดารา นักร้อง นักแสดง มาร่วมรำด้วย นำโดย ดร.มล.สราลี กิติยากร,สุดารัตน์ บุตรพรม (ตุ๊กกี้ ชิงร้อย) ดาราสาวชาว อ.วังสามหมอ จ.อุดรฯ น.ส.พิมรตา เดชอุดม (จ๊ะจ๋า) ธชย ประทุมวรรณ (เก่ง ธชชย) น้ำอ้อย ชนะพาล (มอส) อดีตมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2018,ธิดาผ้าหมี่-ขิด 2560 กชพรรณ ไพฑูรย์ (แพร)นิษฐา วารุณ ค่ายโตเกียวมิวสิค นก พงศกร หมอลำเสียงวิหค และจามจุรี เชิดโฉม (จอย)
นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนระหว่างวันที่ 18 – 19 ม.ค.จะมีการแสดงม่านน้ำประกอบ แสง สี เสียง สื่อผสม ชุด “ครบรอบ 132 ปี เมืองอุดรธานี” กว่า 1 ชั่วโมง ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับยุคประวัติศาสตร์เมืองอุดรธานี การสร้างบ้านแปลงเมืองมณฑลอุดร สมัย รศ.112 ความทรงจำเมืองอุดรธานี และสายสัมพันธ์แห่งการเปลี่ยนแปลง การเล่าเรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองของเมืองอุดรธานี การเป็นศูนย์กลางและความทันสมัยของเมืองอุดรธานีที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ การแสดงศิลปวัฒนธรรมจากศิลปินที่มีชื่อ อาทิ ก้านตอง ทุ่งเงิน กานดา อาร์สยาม และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน “หมอลำกลอน” สุดตระการตรากับการแสดงระบำน้ำพุประกอบดนตรีร่วมสมัย และยังมีการจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และถนนคนเดิน ริมสวนสาธารณะหนองประจักษ์
ในวันที่ 19 ม.ค.จะมีการแสดงสุดวิจิตรนาฏยศิลป์ชั้นสูง การแสดง “โขนนั่งราว” เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน ศึกนาคบาศ – ขาดเศียร ขาดกร และการแสดงนาฏศิลป์ รำเฉลิมฉลอง ชุด “มหัศจรรย์นคร อุดรธานี” จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม