
พี่สาวสุดทนแจ้งจับน้องชายขี้ยา บุกบ้านปาขวดน้ำมันหวังเผาบ้าน ก่อนหน้าอาละวาดหนักพังบ้าน พังข้าวของ ขู่ฆ่าทั้งครอบครัว จนแม่ต้องหนีไปอยู่บ้านลูกสาวคนโต เพราะกลัวว่าจะถูกฆ่าตายเหมือนในข่าว ตำรวจเข้าระงับเหตุไม่สลด อ้างว่าถูกพี่สาวด่าไม่ได้เสพยา สุดท้ายเสียงอ่อย เจอฉี่ม่วง ค้นบ้านเจอยาบ้าซุก 119 เม็ด พร้อมอุปกรณ์เสพ พบประวัติสุดเกเร เสพยาตั้งแต่เด็ก ติดคุกหลายครั้งแล้ว แม่ถึงขั้นกราบเท้าก็ไม่ยอมเลิก










เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ขณะที่ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานีนำกำลังสายตรวจ 191 ออกตรวจในพื้นที่ ก็ได้รับแจ้งเหตุมีน้องชายพยายามจะวางเพลิงเผาบ้านพี่สาว โดยการโยนระเบิดขวดใส่บ้าน เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 233 บ.นาหวาน ม.11 ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุ จึงรีบนำกำลังพร้อมด้วยเขตงานหนองบัว รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบของชิด พบ น.ส.ธัญรักษม์ คำลิ้ม อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน และ น.ส.ขวัญชนก คำลิ้ม อายุ 27 ปี ลูกสาว ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ ก่อนให้การว่า นายเดชศักดิ์ คำลิ้ม หรือเดช อายุ 42 ปี น้องชาย น.ส.ธัญรักษม์ เป็นผู้ก่อเหตุ จากนั้นได้พาไปชี้บริเวณหน้าต่างห้องนอนหลังบ้าน มีร่องรอยขวดเครื่องดื่มชูกำลังแตก และมีเศษผ้าไหม้ กลิ่นน้ำมันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เบื้องต้นได้ดับไฟแล้ว แต่ไม่มีการลุกลามเสียหาย และที่หน้าต่างห้องครัวข้างบ้าน ถูกของแข็งกระแทกกระจกแตกเสียหาย
หลังนายเดชศักดิ์ ก่อเหตุแล้ว ได้หลบไปนอนเล่นอยู่ที่บ้านชั้นเดียว เลขที่ 147 ซึ่งเป็นบ้านของแม่ อยู่ติดกันทางด้านหลังบ้าน มีรั้วกั้นแต่ประตูเชื่อมต่อกัน เมื่อตำรวจมาถึง ได้ตะโกนเรียกนายเดชให้ออกมาเจรจาพูดคุย นายเดชได้เดินออกมาจากบ้านแต่โดยดี ยอมรับว่าโยนขวดน้ำมันใส่บ้านพี่สาวจริง อ้างว่าไม่พอใจที่พี่สาวดุด่า ส่วนกระจกห้องครัวไม่ได้เป็นคนทำแตก และปฏิเสธว่าไม่ได้เสพยาบ้า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ตำรวจค้นตัว ระหว่างนั้นก็โต้เถียงกับพี่สาว พยายามจะให้ตำรวจพาไปคุยกับแม่ ที่มานั่งรออยู่ในบ้านพี่สาว
จากนั้นตำรวจได้ตรวจปัสสาวะนายเดช ผลตรวจมีผลเป็นบวก นายเดชศักดิ์ฯ จึงยอมรับสารภาพว่าได้เสพยาไปเมื่อคืนนี้กับเพื่อนอยู่ที่ อ.บ้านผือ แต่ตอนนี้ยาบ้าได้เสพหมดแล้ว ตำรวจจึงนำตัวนายเดชศักดิ์เข้าไปตรวจค้นในบ้าน นายเดชศักดิ์มีอาการพิรุธ จนกระทั่งค้นพบยาบ้าในกระเป๋าเงินเล็กสีชมพู จำนวน 119 เม็ด และอุปกรณ์การเสพ นายเดชถึงกับเสียงอ่อย และรับว่าเป็นของตนเองจริง เมื่อนายเดชจนมุมต่อหลักฐาน ได้ตะโกนเรียกแม่ให้มาถอดสร้อยคอทองคำ แหวนทองคำ และเงินสดที่ติดตัวอยู่เกือบ 5 พันบาท ให้เอาไปเก็บไว้ แต่ก็ไม่ปริปากขอโทษแม่สักคำ ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองอุดรธานี
จากการสอบสวนนายเดชศักดิ์ฯ ให้การยอมรับสารภาพว่า ติดยาบ้ามาประมาณ 10 ปี เคยทำงานรับจ้างขับรถส่งของ และเคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ กลับมาบ้านเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน จนมาถูกจับคดียาเสพติด ติดคุก 3 ปี เพิ่งพ้นโทษได้ประมาณ 4 เดือน แล้วก็มาอาศัยบ้านแม่อยู่ ตนยอมรับว่าปาขวดน้ำมันใส่บ้านพี่สาวจริง แต่ก็ยืนดูจนไฟมอดไป โมโหที่พี่สาวชอบดุด่า แต่ไม่ได้ทำกระจกห้องครัวแตก เพราะเมื่อวานตนไม่ได้อยู่บ้าน ยาบ้าเป็นของตนจริง เมื่อ 5 วันที่แล้ว ซื้อมาจากนายอ๊อด ที่ อ.บ้านผือ 180 เม็ด 2,500 บาท ส่วนที่ว่าแม่กราบเท้าขอให้เลิกยา ไม่จริง แม่แค่มาบอกให้เลิกยาเท่านั้น ต่อไปจะเลิกยาแล้ว สาบานได้เลย ตนตั้งใจจะเลิกยาอยู่แล้ว
น.ส.ขวัญชนกฯ หลานนายเดชศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนกับแม่สร้างบ้านนี้มาประมาณ 11 ปี ต่อเติมมาเรื่อยๆ ยังไม่เสร็จดี น้าเคยติดคุก พ้นโทษมาก็สร้างปัญหามาตลอด จะมาอยู่กับยายที่บ้านด้านหลัง มักจะมาลักข้าวของในบ้านไป หนักเข้าจะพังประตูหน้าต่างเข้าไปลักของข้างใน จะเดินวนรอบบ้านไปมา ตะโกนด่า ตนก็ได้แต่ระวังตัว กลัวว่าเขาจะบุกเข้ามา เมื่อวานนี้ก็มาทำกระจกหน้าต่างห้องครัวแตก ไปจุดไฟเผาที่นาชาวบ้าน มาวันนี้ก็มาปาขวดน้ำมัน จะเผาบ้านตนอีก โชคดีที่ตนอยู่บ้าน จึงถ่ายคลิปไว้ แม่ก็กลับมาบ้านพอดีเขาจึงหนีไป อยากให้ตำรวจจับไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะเรื่องจะเผาบ้าน เพราะกลัวว่าหากโทษน้อย จะออกมารังควานและก่อเหตุอีก
น.ส.ธัญรักษม์ กล่าวว่า น้องชายต้องคดีมาแล้ว 5 ครั้ง ทั้งลักเล็กขโมยน้อยและติดยา ล่าสุดต้องโทษยาเสพติดที่เรือนจำอุดรฯ 3 ปี เพิ่งพื้นโทษเมื่อปลายปีที่แล้ว ออกมาก็ยังมีพฤติกรรมเดิม เสพยา คลุ้มคลั่งอาละวาดหนัก ชอบมาหาเรื่องคนในครอบครัว ก่อนจะก่อเหตุครั้งนี้ ก็เคยไปทำร้ายร่างกายหลานชายมาแล้ว วันๆเอาแต่เสพยา เมาก็อาละวาด ขู่ทำร้าย ขู่ฆ่า แม้แต่แม่ก็ไม่เว้น ตอนแรกแม่ก็อยู่บ้านด้านหลังคนเดียว น้องมาอยู่ด้วยก็อาละวาด จนแม่ต้องมาที่บ้านด้วย น้องก็พยายามจะบุกเข้ามาในบ้าน จะบุกเข้ามาทำร้ายคนในบ้าน แม่ต้องหนีไปอยู่บ้านพี่สาวอีกหลัง
“ตอนติดคุกตนก็ไปเยี่ยม ซื้อของไปให้ดูแลมาตลอด ออกมาจากคุกก็ให้รถจักรยานยนต์ไปใช้ ยังจะมาขอรถยนต์ไปอีก ตนกลัวว่าจะเอาไปยุ่งเกี่ยวกับยา ตนก็ไม่ให้ก็ดุก็ว่าไป เขาก็อาละวาดแบบนี้มาตลอด น้องไม่เคยสำนึกในบุญคุณของแม่หรือพี่น้อง ซ้ำยังขู่จะทำร้าย จะฆ่าจะแกงกัน อยากให้จับไปรับโทษหนัก จะได้ไม่ออกมาก่อเหตุอีก เพราะคนในบ้านต่างหวาดผวากันไปหมดแล้ว อยู่ก็ไม่มีความสุข ไม่รู้ว่าจะถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหรือถึงตายวันไหน”
ด้านนางน้อย กล่าวว่า ตนมีลูก 5 คน นายเดชเป็นคนสุดท้อง แต่ก่อนขายขนมครกในตลาด ทำงานเก็บเงินจนมาซื้อบ้านที่นี่เมื่อ 19 ปีที่แล้ว นายเดชเกเร ตั้งแต่อยู่ ม.ต้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเริ่มเสพยาตั้งแต่ตอนไหน แม่รักลูกทุกคน ดูแลลูกเพียงตัวคนเดียว บอกสอนลูก ลูกก็ไม่เคยฟัง ถึงขั้นตนได้กราบเท้าลูก 3 ครั้ง เพื่อขอให้เลิกยา เขาก็ไม่เลิก แม่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว แม่ทำเพื่อลูกมาตลอด นายเดชอยากไปทำงานเมืองนอก แม่ก็ไปกู้เงินมาให้ แม่ก็รีบทำงานหาเงินมาใช้หนี้จนหมด นายเดชก็ส่งเงินมาให้ใช้ประจำ กลับมาก็ติดยา ติดหญิง จนถูกจับ พี่สาวก็เป็นคนไปดูไปเยี่ยม ออกมาก็เหมือนเดิม อาละวาดหนักขึ้นอีก แม่กลัวจะถูกฆ่าจนต้องหนีไปอยู่บ้านลูกสาวคนโต กลัวเป็นเหมือนในข่าว
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายเดช “เสพและครอบครอง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” ส่วนข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ตำรวจได้แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความกับร้อยเวรอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป