
เกษตรจังหวัดยโสธรนำนักเรียนพร้อมผู้นำท้องที่ท้องถิ่นสาธารณสุขและอสม.ในพื้นที่เดินเคาะประตูบ้านรณรงค์ให้หยุดเผาเพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่น PM 2.5
ที่โรงเรียนชุมชนบ้านสำโรง ตำบลคูเมือง อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร นายนพดล ผุดผ่อง

เกษตรจังหวัดยโสธร เป็นประธานในการมอบใบประกาศให้กับเกษตรกรที่ไถกลบงดเผา ตำบลคูเมือง จำนวน 10 คน และมอบใบประกาศนียบัตรให้นักเรียน เสียงของอนาคตนักเรียน จำนวน 6 คน ในกิจกรรม “เคาะประตู กู้วิกฤต PM2.5 หยุดการเผา” จากนั้นได้นำหน่วยงานราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น นักเรียน สาธารณสุขอำเภอมหาชนะชัย อสม.ในพื้นที่และเกษตรอำเภอมหาชนะชัย ร่วมเดินรณรงค์สร้างการรับรู้การหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ตำบลคูเมือง โดยการเคาะประตูบ้าน หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา พร้อมเชิญชวนให้ปรับเปลี่ยนแนวคิดและวิธีการทำเกษตรกรรมทางเลือกอื่นทดแทนการเผา เช่น การไถกลบตอซังข้าว การปลูกพืชหลังนา รวมทั้งการจัดการเศษซากพืชที่เหลือใช้หลังการเก็บเกี่ยวอย่างเหมาะสม ตลอดจนสร้างการตระหนักรู้ และการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการเผาอย่างเข้มงวดทุกพื้นที่ รณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการงดเผาทั้งฟางข้าว อ้อย วัชพืช พื้นที่เกษตร และเศษขยะ พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงโทษที่จะได้รับโดยถูกตัดสิทธิ์ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามมาตรการที่ได้ประกาศออกมาพร้อมกันนี้ยังได้มอบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) รายครัวเรือนอีกด้วย





นายนพดล ผุดผ่อง เกษตรจังหวัดยโสธร กล่าวว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดยโสธรได้ดำเนินการกิจกรรมสร้างการตระหนักรู้ การยกระดับมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตร ภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ปี 2568 ประกอบด้วยการจัดทำแผนที่ความเสี่ยง (Risk Map) พื้นที่ปลูกข้าว อ้อยโรงงาน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยมีพื้นที่เสียงสูง 5 อำเภอคืออำเภอเล็งนกทา 1 ตำบล, อำเภอทรายมูล 1 ตำบล, อำเภอคำเขื่อนแก้ว 2 ตำบล อำเภอมหาชนะชัย 3 ตำบลและอำเภอค้อวัง 3 ตำบล พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 8 อำเภอ 23 ตำบล และพื้นที่เสี่ยงน้อย 8 อำเภอ 46 ตำบล วางแผนการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพิ่มมูลค่า กิจกรรม “เคาะประตู กู้วิกฤต PM 2.5 หยุดการเผา” ทั้ง 9 อำเภอ โดยกำหนดเป้าหมาย ตำบลละอย่างน้อย 1 หมู่บ้าน เน้นหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเผาเป็นอันดับแรก โดยในปี 2568 มีแผนส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ในพื้นพื้นที่ 9 อำเภอ รวม 64,350 ไร่ และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ สร้างความเข้าใจในระดับหมู่บ้าน โดยใช้ข้อมูลเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม จุดความร้อน ร่องรอยการเผาไหม้ที่ผ่านมา หรือจากการประเมินพื้นที่เสี่ยงที่ไม่สามารถบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไต้ โดยแบ่งการดำเนินงานให้สอดคล้องตามช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต