
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 นายกิตติ สัตย์ซื่อ ปลัดจังหวัดสุรินทร์ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดอบรบ โครงการ”ของดีประจำตำบลกุดหวาย”โดยมีนาย พิศาล เค้ากล้านายอำเภอศีขรภูมิ หัวหน้าส่วนราชการพ่อค้าประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลกุดหวาย ซึ่งมีนายสมปอง พวงบุญ นายก อบต.กุดหวาย กล่าวถึงโครงการของดีตำบลกุดหวายเพื่อบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิชาการหน่วยงานส่งเสริม บริการถ่านยทอดเทคโนโลยีการเกษตรในการพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถทำการผลิตสนับสนุนการเชื่อมโยงตลาดระหว่างชุมชนสร้างความภาคภูมิใจและยกย่องให้เกียรติเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดโครงการของดีตำบลกุดหวายในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนการจัดนิทรรศการการบริการวิชาการจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐเอกชนและกลุ่มเกษตรกรด้เดินทางมาร่วมกิจกรรมภายในงานจำนวนมาก โดยภายในงานมีการจัดซุ้มกิจกรรมของดีประจำตำบลกุดหวายตลอดจนมีการนำโคและกระบือมาทำการประกวดความสวยงามและการนำสินค้าทางการเกษตรออกมาจำหน่ายในพื้นที่การจัดงานทำให้พี่น้องประชาชนชาวตำบลกุดหวายโดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรมีรายได้ในการจัดทำโครงการของดีประจำตำบลอีกด้วย











พร้อมทั้ง สีสันการแข่งตำ “ส้มตำลีลา ตำเพลิน ” แข่งกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สนุกสนามจัดเต็มออกลีลาควงสาก โยกย้ายส่ายสะโพกจนลืมวัย หนึ่งในกิจกรรมการแข่งขันที่สนุกสนาน สร้างเสียงหัวเราะ ความครึกครื้นให้ทั้งคนแข่งขัน และผู้ชมเป็นอย่างมากเห็นจะเป็นการแข่งขัน “ส้มตำลีลา ตำเพลิน ” ซึ่งคึกคักไปด้วยผู้สมัครที่เป็นสตรีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ที่ต่างขะมักเขม้นนำวัสดุอุปกรณ์เครื่องครัว ทั้ง ครก มีด เขียง ถาด ถ้วย อุปกรณ์ตกแต่ง ตะกร้า ถาด มาจัดเตรียมพร้อมกับซอยมะละกอ เตรียมพริก มะนาว ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ รวมถึง เครื่องปรุง เครื่องเทศ อาทิ รากผักชี เกลือ น้ำตาลทราย พริกไทย น้ำปลา น้ำตาล ถั่วลิสงฯลฯ ผักข้างเคียง ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี และอื่นๆ พร้อมทั้งแต่งกายด้วยผ้าไทย ผ้าพื้นถิ่น สีสันสวยงาม เพื่อให้เข้ากับลีลาการเต้นของแต่ละทีม โดยโชว์ลีลาการเต้น การตำกันอย่างมันส์สุดๆ โยนครก โยนสาก โยกเต้นไปมา ไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางกำลังใจจากประชาชนที่มา รวมทั้งกองเชียร์มาปรบมือ ส่งเชียร์กันดังลั่น ใช้ระยะเวลาแข่งขันนานกว่า 10 นาที การแข่งขันก็สิ้นสุดลง พร้อมไปกับตำไทยที่ประดับตกแต่งจานอย่างสวยงามน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้น ทางคณะกรรมการก็เริ่มชิมรสชาติ เพื่อให้คะแนนแต่ละทีม โดยพิจารณาจาก คุณภาพของผลิตภัณฑ์/สี กลิ่น รสชาติ/ความน่ารับประทาน, ความสะอาดของเครื่องมือ และบริเวณพื้นที่ทำการแข่งขัน, การแต่งกายผู้แข่งขัน ลีลาประกอบเพลงขณะตำส้มตำ รวมถึงการตกแต่งจานที่ใส่ส้มตำอย่างสวยงาม สำหรับตำไทย ก็จะต้องมีครบทุกรสทั้งเผ็ด เปรี้ยว หวาน และเค็มเล็กน้อยอีกด้วย สำหรับกิจกรรมการแข่งขันส้มตำลีลา นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์อาหารไทยอย่างส้มตำให้คงอยู่แล้ว ยังส่งเสริมการแต่งกายด้วยผ้าไทย ผ้าพื้นถิ่น ยังเป็นการพัฒนาทักษะฝีมือการตำส้มตำ เพื่อสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ ให้ประชาชนรวมไปถึงยังเป็นการสร้างความรัก ความสามัคคี สร้างความสุขต่อไป