
กรณีเมื่อเวลา 05.00 นวันที่ 11 มีนาคม พ.ต.ต บุญเชิด เชิดบารมี สว.( สอบสวน) สภอุทัย ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธปืน ยิงเสียชีวิต 2 รายบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบริเวณภายในหมู่บ้านบัวคลี่ 11 บ้านเลขที่ 60/137 หมู่ 13 ตำบลอุทัยอำเภอ อุทัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงรายงาน. พล ต ต นฤนาท พุทไธสง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จุดสืบสวนสภ. อุทัยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธศวรรย์ รุดไปที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบเป็นบ้าน ทาวน์โฮมชั้นเดียวปลูกติดกัน บริเวณภายใน บ้านพบร่างผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย นอนอยู่ในห้อง ด้านหลังและผู้หญิงอีก 1 รายนอน ขวางประตูอยู่ในห้องโถงทางเข้าบ้าน ตรวจสอบสภาพบาดแผล ถูกอาวุธปืนยิง เข้าที่บริเวณ และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 รายเป็นผู้หญิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชธานี และเด็กผู้ชายวัยห้าขวบซึ่งเป็นลูกติต ของผู้หญิง ได้รับบาดเจ็บถูกลูกหลงที่บริเวณนิ้ว












ล่าสุดวันที่ 12 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดศิริมงคล ต.โชคเหนือ อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ บรรยากาศงานศพของนางสาว สิริพร ตุดา(ผู้เสียชีวิต) อายุ 38 ปี เป็นที่โศกเศร้าของญาติพี่น้อง ซึ่งร่างนางสาว สิริพร ตุดา(ผู้เสียชีวิต) และนางสาว เกศแก้ว จิตดี(ลูกสาวผู้เสียชีวิต) อายุ 23 ปี เสื้อสีดำ (แฟนผู้ก่อเหตุ เป็นผู้บาดเจ็บ) ได้มาถึงวัดเมื่อเวลา 23.39 น.ของวานนี้ โดยภายในงานพบว่าญาติ ๆ ต่างช่วยกันจัดงานศพกัน ซึ่งจะทำการฌาปณกิจในวันพรุ่งนี้
สัมภาษณ์ นางสาว เจนจิรา อินทราชัย(น้องสาวผู้เสียชีวิต) อายุ 27 ปี เสื้อสีขาว (น้องสาวผู้ตายน้าสาวคนเจ็บ)เล่าว่า ผู้ก่อเหตุนั้นชอบเล่นปืนและสะสมปืน โดยหลานตนนั้นมักจะทะเลาะกับผู้ก่อเหตุประจำ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นคนขี้หึงและชอบทุบตีหลานตน ล่าสุดรู้ว่าผู้ก่อเหตุนั้นมีเมียอยู่แล้ว หลานตนก็ขอเลิก แต่ผู้ก่อเหตุไม่เลิก หลานตนก็พยายามถอยห่าง และหนีมาอนยู่กับคนที่ จ.ยโยธร ผู้ก่อเหตุก็มาตามกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุเข้ามาที่แชตหาตนว่าให้ทางหลานสาวตนนั้นคืนดีกับตน ตนก็พยายามพูดต่างๆนาๆ แม้กระทั่งตนยังถูกผู้ก่อเหตุขู่ฆ่าใช่กัน จนกระทั่งตนมารู้ว่าพี่สาวและพี่เขยถูกยิงตายพร้อมกับหลานสาวถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ตนรู้สึกตกใจพูดไม่ออก ซึ่งตนและญาติขอไม่ให้อภัยในการกระทำของผู้ก่อเหตุ ขอให้ประหารชีวิตตกตายตามพี่สาวและพี่เขยตน เพราะถ้าพ้นโทษออกมาอาจมาก่อเหตุซ้ำได้อีก ตนรู้สึกเป็นห่วงหลานสาวและเหลนมากๆ
สัมภาษณ์ นางสาว เกศแก้ว จิตดี(แพร) อายุ 23 ปี เสื้อสีดำ (แฟนผู้ก่อเหตุ เป็นผู้บาดเจ็บ) เล่าว่า วันที่เกิดเหตุช่วงเวลา 04.00 น. ตนและครอบครัวนอนหลับพักผ่อนกันอยู่ โดยผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาทางรั้วบ้านและวัดประตูบ้านเข้ามา มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อผู้ก่อเหตุเข้ามาถีบประตูห้องนอนตนและเดินเข้ามาหาตนและถามตนว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ (โทรติดต่อมา 1ครั้ง) หลังจากนั้นพ่อและแม่ตนก็ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ก่อเหตุก็เดินเข้าม่หาตนใกล้ๆคล้ายจะทำร้าย พ่อตนจึงเดินเข้าไปพูดคุยและห้ามว่า มีอะไรให้คุยกันดีๆ นี่มันบ้านผมนะ มีอะไรให้เกียรติผมหน่อย พ่อตนเพูดเพียงแค่นั้นและจับแขนผู้ก่อเหตุไว้เพราะกลัวผู้ก่อเหตุจะเข้ามาทำร้ายตน ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็สลัดแขนออกและชักปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงยิงใส่พ่อตนและหันมายิงตน และวิ่งออกไปยิงแม่ตนเป็นคนที่ 3 และหนีไป โดยตนคิดว่าการที่ผู้ก่อเหตุบอกกับน้าตนว่าจะมาของ้อพูดคุยด้วยนั้นไม่น่าใช่ เพราะไม่มีการพูดคุยเลยเหมือนตั้งใจมาก่อเหตุเพราะการมาง้อคงไม่พกปืนมาด้วย หัวรถยนต์ก็หันหัวไปทางออกหน้าถนนเหมือนวางแผนไว้ก่อนก่อเหตุ จากนั้นตนก็สลบไปฟื้นขึ้นมาก็เห็นลูกชายตนนั่งอยู่ข้างศพแม่ร้องไห้ด้วยอาการหวาดผวาตกใจมากร้องสุดเสียง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าลูกชายตนโดนยิงโดนบริเวณนิ้วนางข้างซ้ายตอนไหน เพราะตนสลบไป ซึ่งตนนั่นโดนยิงเข้าที่กกหูด้ายซ้ายลูกกระสุนวิ่งไปไหล่ขวาลูกกระสุนฝังใน ตอนนี้อาการบาดเจ็บของตนหมอได้ทำการผ่าตัดเอาลูกกระสุนออกแล้ว แต่ยังหันไม่ค่อยได้เพราะเจ็บที่บาดแผล ด้านคดีความตนอยากดำเนินคดีจนถึงที่สุด อยากให้ประหารชีวติไปเลยก็ได้ เพราะการกระทำของผู้ก่อเหตุทำให้ตนเสียเสาหลักเสียทั้งพ่อและแม่ ตนทำใจไม่ได้ที่ทำกับความครัวตนเช่นนี้ ทั้งพ่อแม่เขาเอาไปหมดเลย ถ้าตนเสียไปอีกคนตนก็ไม่รู้ว่าลูกชายของตนจะอยู่กับใคร ตนไม่ขอให้อภัย นางสาว เกศแก้ว จิตดี (แพร) (แฟนผู้ก่อเหตุ เป็นผู้บาดเจ็บ) กล่าว….
นาง หทัยชนก ญาติ (เสื้อลายขาวดำอุ้มหลาน) เล่าว่า หลานชายตนอายุแค่ 4ขวบ ตนได้ไปรับมาจาก จ.อยุธยา ตลอดการเดินทางหลานชายมีอาการหวาดผวา นอนหลับก็ผวา พูดแต่ว่าเขายิงตาแล้วยิงแม่ แล้วไปยิงยาย มายิงหนูด้วย ตนรู้สึกห่วงหลานมากเพราะสภาพจิตใจเป็นภาพจำที่ในเหตุยิงกัน และอุ้มหลานชายนั่งตักไปพร้อมกับเอานิ้วนางด้านซ้ายที่บาดเจ็บของหลานชายให้ผู้สื่อข่าวดู