
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี ค 68 เล่น 13.30 น.สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ใจกลางกรุงเทพฯ อาคารสูง 30 ชั้น มูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท พังถล่มลงมาดั่งฝันร้าย กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตและทำลายความหวังของหลายครอบครัวท่ามกลางความโกลาหลและซากปรักหักพัง ตึกถล่มทับแรงงานก่อสร้าง สูญหาย 117 ราย บาดเจ็บ 6 ราย และเสียชีวิต 6 ราย












วันที่ 29 มี.ค. 68 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บ้านคำสว่าง ม.6 ต.วังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ ครอบครัวแรงงานจากบ้านคำสว่าง ที่ลูกหลานของพวกเขาติดอยู่ใต้ซากอาคารชั้น 5 กว่า 20 ชีวิต หนึ่งในนั้นคือ นายจักรกฤษณ์ วัย 18 ปี และนายบุญรอด วัย 32 ปี สองเสาหลักของครอบครัวที่ยังคงสูญหาย ท่ามกลางเสียงสะอื้นของนายสาคร ศิลารักษ์ ผู้เป็นพ่อ ยังคงดังก้องในความเงียบงัน เขาเล่าว่า ลูกชายโทรมาบอกว่าจะกลับบ้านช่วงสงกรานต์ นายสาคร ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า จากที่ทราบข่าวจนถึงตลอดทั้งคืนตนไม่ได้หลับเลยเฝ้าเป็นห่วงลูกชายคนสุดท้องคนนี้มากและเมื่อคืนจนยังมานอนรออยู่ยังบ้านที่ลูกชายมีแผนที่จะปลูกสร้างให้เป็นเรือนหอในอนาคต แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายลง
ด้านนายอุไร โอทาตะวงค์ ผู้เป็นพ่อของนายบุญรอด หรือหลอด เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ส่งเงินมาจุนเจือพ่อแม่เสมอ แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกแต่ตนก็ยังมีความหวังว่าลูกชายจะรอดปลอดภัยกลับมา
นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอเมืองนครพนม ได้ลงพื้นที่มาให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญหาย พร้อมให้รับปากว่าจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ต่อไป