
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 พระจำนงค์ กำเนิดกลาง อายุ 52 ปี พระลูกวัดป่าโพนพระศรัทธาธรรม บ้านหนองไหล หมู่ 12 ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เดินทางมาแจ้งความกับร.ต.อ. จำลอง นำภา รอง สารวัตร.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.อุบลราชธานี ว่าขณะที่กำลังสร้างกุฎิอยู่ที่วัดป่าโพนพระศรัทธาธรรม ได้มี นายหลี กลิ่นขจร อายุ 79 ปี พร้อมด้วย นางกระทอ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ) ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กต – 5176 อุบลราชธานี เข้ามาที่วัด จากนั้นนายหลี กลิ่นขจร ได้ถือขวานมาไล่ฟัน จึงได้ใช้มือปัดออกจนได้รับบาดเจ็บที่บริหลังมือข้างขาว ส่วนนางกระทอ ที่มาด้วยกันได้ถือท่อนเหล็ก มาฟาดถูกที่บริเวณหัวไหล่ข้างขวา ได้รับบาดเจ็บ โดยมีพระในวัดและแม่ชีมาเห็นเหตุการณ์ ถ่ายภาพและคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายหลี กลิ่นขจร เห็นว่ามีการถ่ายคลิปไว้จึงได้ทิ้งขวานไว้ในที่เกิดเหตุ และได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปกับนางกระทอ จึงมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายหลี กลิ่นขจร และ นางกระทอ ให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และได้นำขวานที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้ พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน ร.ต.อ. จำลอง นำภา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง ได้รับแจ้งและรับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุ โดยนัดมาให้ปากคำเวลา 10.00 น.วันที่ 6 เมษายน 2568












ด้านพระจำนงค์ กำเนิดกลาง กล่าวว่าได้มี นายหลี กลิ่นขจร อายุ 79 ปี พร้อมด้วย นางกระทอ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ) เดินทางมาใช้ขวานจะทำร้ายร่างกาย กะว่าจะฆ่าอาตมา ซึ่งขณะนั้นได้กำลังก่อสร้างกุฎิ ไม่ได้เฉลียวใจ จากนั้นนายหลี กลิ่นขจร ก็ได้ใช้ขวานที่เตรียมมาเดินเข้ามาฟัน จึงได้ใช้มือปัดขวานออก จากนั้นก็ได้ต่อสู่กันชุลมุน จนนายหลีล้มลง อาตมาจึงขึ้นค่อมไว้ ขณะเดียวกันนางกระทอที่มาด้วยก็คว้าเหล็กที่วางอยู่พื้นมากระหน่ำตีอาตมาที่บริเวณหัวไหล่จนได้บาดเจ็บ และเจ็บที่บริเวณมือ ก่อนที่ทั้ง 2 คนขี่รถจักรยานยนต์หนีออกจากวัดไป
พระจำนงค์ กำเนิดกลาง กล่าวว่า สาเหตุที่โดนทำร้ายในวันนี้เพราะเกี่ยวกับเรื่องที่ดินของวัดจำนวน 24 ไร่ ที่มีญาติ โยมถวายให้แกวัดมานานแล้ว และได้ตั้งวัดถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต่อมาทางญาติอยากได้ที่ดินของวัดคืน โดยอ้างว่าเป็นญาติ ซึ่งไม่มีสิทธิโดยชอบธรรม มีการแอบอ้างเลื่อยมา มีการข่มขู่ทำร้ายพระ ภิกษุ อยู่ตลอด จนมาวันนี้อาตมาก็ได้รับบาดเจ็บอีก จึงไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุบลฯ ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะที่ฆราวาสมาทำร้ายพระแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่สนใจ แจ้งผู้นำชุมชนก็ไม่สนใจ ไม่รู้จะไปพึ่งพาอาศัยใคร หน่วยงานราชการก็ไม่ดูแล ปล่อยให้พระอยู่แบบเลื่อนลอยโดนทำร้ายร่างกาย โดนข่มขู่ ก่อกวน อ้างสิทธิว่าเป็นที่ของตัวเอง เอาลวดหนามมากั้นไม่ให้พระเข้าออกวัด ญาติโยมก็เข้ามาทำบุญไม่ได้ จะให้พระอยู่ยังไง พระก็เดือดร้อน