
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 30 มีนาคม ร.ต.อ.อภิมุข สุวรพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่อยห้วยหลวง ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้รถตู้ภายในร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่ง ที่บ้านเชียงพิณ ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย สายตรวจ 191, เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบต.เชียงพิณ นำรถดับเพลิง 1 คัน เบื้องต้นมีผู้ถ่ายคลิปวีดีโอขณะเพลิงโหมลุกไหม้ไว้ได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงได้ทำการฉีดพ่นสารเคมี และควบคุมเพลิงไว้ได้จนสงบ





ที่เกิดเหตุอยู่ภายในบริเวณจุดบริการลูกค้า พบรถตู้ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน นค 3663 อุดรธานี จอดเปิดประตูหมดทุกบาน สภาพรถถูกไฟไหม้เสียหายหมดทั้งคัน รอบบริเวณมีเบาะโดยสารรถตู้ ถูกถอดออกมาเพื่อทำความสะอาด แต่ก็ถูกความร้อนจากไฟไหม้เสียหายเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีพัดลมโบลเวอร์และอุปกรณ์ทำความสะอาดรถ ถูกความร้อนไหม้บางส่วน ผ้าใบที่ขึงกันแดดต่อจากหลังคาคาร์แคร์ ถูกความร้อนละลายเสียหาย ที่ท้ายรถตู้พบโทรศัพท์มือถือของเจ้าของคาร์แคร์ไฟไหม้เสียหาย 1 เครื่อง
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายธนดล ฟักทิม อายุ 43 ปี เจ้าของคาร์แคร์ ให้การว่า ได้รับรถคันดังกล่าวมาทำความสะอาดและขัดสีรถตู้คันนี้มา 3 วัน วันนี้นัดลูกค้ามารับรถช่วงบ่าย ทำความสะอาดจนหมดแล้ว กำลังจะเตรียมประกอบใส่เบาะคืน แต่ได้พักกินข้าวก่อน จึงเปิดพัดลมโบลเวอร์ไล่ความชื้นภายในเอาไว้ และวางโทรศัพท์มือถือไว้ท้ายรถ แล้วเดินไปกินข้าวหน้าบ้าน จากนั้นภรรยาก็ได้ยินเสียงเป๊าะแป๊ะ คล้ายเสียงไฟไหม้ จึงหันมาดูก็เห็นไฟไหม้รถตู้แล้ว ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนควบคุมไม่ได้ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วย ยืนยันว่าไม่ได้เสียบปลั๊กอะไรไว้ในรถ และไม่ได้เสียบเพาเวอร์แบงค์ชาร์ตมือถือ ตนก็ไม่ทราบสาเหตุของไฟไหม้

ด้านนางโพธิ์ศรี ด้วงสะดี อายุ 81 ปี ชาวบ้านเชียงพิณ เจ้าของรถตู้ ให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นแม่ค้าคนกลางรับดอกไม้ตามสวนไปขาย จึงได้สะสมเงินมาซื้อรถตู้เพื่อเอามาใช้ขนดอกไม้ไปขาย โดยซื้อรถตู้คันนี้มาจากหลานในราคา 4 แสนบาท แล้วก็มาให้ร้านนี้ทำความสะอาดและขัดสีทั้งหมด หลังรู้ข่าวรถโดนไฟไหม้ก็ได้รีบมาดูรถของตัวเอง เมื่อถึงก็ถึงกับเข่าอ่อนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งดูซากรถด้วยความเศร้า ตนคิดว่าน่าจะเป็นการวางเพลิง แต่ขอไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้ ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเขา
เบื้องต้นตำรวจได้ถ่ายรูปและเก็บพยานหลักฐานไว้ทั้งหมด และจะประสานไปยังชุดพิสูจน์หลักฐานให้เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ก่อนจะเชิญเจ้าของคาร์แคร์และพยานในที่เกิดเหตุไปสอบปากคำอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป