
ชาวบ้านในตำบลสว่าง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ร้องเครือข่าย ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรวจสอบ โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำแก้ปัญหาภัยแล้ง งบประมาณ 35 ล้านบาท หลังโครงการชลประทานจังหวัดร้อยเอ็ดทำเสร็จสิ้นและรับมอบจากผู้รับจ้างกว่า 2 ปี แต่ชาวบ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ เนื่องจากคูคลองอยู่สูงกว่าระดับน้ำ ด้าน ดร.ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎรและคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบ เตรียมเรียกผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้องชี้แจงในเร็วๆนี้



วันที่ 18 เมษายน 2568 ที่ห้องประชุมโรงเรียนชุมชนบ้านสว่าง ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ดร.ฉลาด ขามช่วง ส.ส.จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่พบปะผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาชน และเครือข่าย ปปช. เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนของการก่อสร้างโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบส่งน้ำ โดยมีนิรมิต สุจารี ที่ปรึกษาประธาน กธม.ปปช.ฯ นายอวยชัย พระสว่าง นายก อบต.สว่าง นายแทนรัฐ สุจารี ส.อบจ.ร้อยเอ็ด นายพยนต์ ปัญญาภา ผู้แทนภาคประชาชน พร้อมด้วยเครือข่าย ปปช.จ.ร้อยเอ็ด ผู้นำชุนชน และประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบ ต้อนรับและให้ข้อมูล



จากนั้น ดร.ฉลาด ขามช่วง ส.ส.จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ และผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประชาชน และเครือข่าย ปปช. ลงพื้นที่ติดตามสอดส่อง โครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ พื้นที่บ้านสว่าง ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นเขตบริการของสถานีสูบน้ำฯ แห่งนี้ แต่กลับพบว่าสิ่งที่เห็นมีแต่คันคลองซึ่งอยู่ในระดับสูง ไม่มีน้ำขังหรือน้ำลอยคลองเลย



ดร.ฉลาด ขามช่วง ส.ส.จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับหนังสือร้องเรียนจากเครือข่าย ปปช.จ.ร้อยเอ็ด กรณีได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในเขต ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ว่าคลองส่งน้ำของโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ ใช้ประโยชน์ไม่ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากคูคลองอยู่บนที่สูงกว่าระดับน้ำมาก จึงอยากเรียกร้องให้เข้าทำการตรวจสอบ เพื่อการแก้ไขปรับปรุง ให้สามารถสูบน้ำและกระจายน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ



ดร.ฉลาดกล่าวอีกว่าจากการลงพื้นที่ในวันนี้ ได้เห็นปัญหาตามที่ได้รับการร้องเรียนจากเครือข่าย ปปช.ฯ จริง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าโครงการดังกล่าว ดำเนินการโดยสำนักงานชลประทาน จ.ร้อยเอ็ด งบประมาณ 35-36 ล้านบาท และทราบว่าทางชลประทาน ฯ ได้รับมอบงานจากผู้ว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว และทางชลประทานฯ จะถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดย อบต.สว่างไม่ยอมรับการถ่ายโอน เนื่องจากระบบน้ำไม่มีประสิทธิภาพ จึงนำมาสู่การร้องเรียนและขอให้ทาง กมธ.ปปช.ทำการตรวจสอบ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะได้เรียกเอกสารโครงการดังกล่าว และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าชี้แจงในเร็วๆนี้



ด้านนายพยนต์ ปัญญาภา ภาคประชาชน ตัวแทนชาวบ้านสว่างฯ กล่าวว่า พื้นที่ ต.สว่าง อ.โพนทอง อยู่นอกเขตชลประทาน น้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค อาศัยน้ำฝนและน้ำจากแหล่งธรรมชาติเป็นหลัก เคยขอรับการช่วยเหลือจากส่วนราชการในการหาแหล่งเพื่อเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง กระทั่งทางโครงชลประทานเข้ามาดำเนินการโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบส่งน้ำ ในปี 2566 เพื่อดึงน้ำจากลำห้วยยัง ระยะทางประมาณ 3 กม.ขึ้นมาสู่ระบบคลองส่งน้ำ เป้าหมายพื้นที่ชลประทาน 1,310 ไร่ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ กระทั่งโครงการแล้วเสร็จในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าหลังจากก่อสร้างเสร็จและส่งมอบเรียบร้อย กลับไม่สามารถชักขึ้นมนำขึ้นสู่ระบบ และกระจายน้ำสู่พื้นที่การเกษตรของพี่น้องประชาชนได้เลย


นายพยนต์กล่าวอีกว่า หลังระบบคลองส่งน้ำเสร็จเรียบร้อย ไม่มีน้ำเติมเข้าในคูคลองได้ เนื่องจากคลองยกสูงกว่าระดับน้ำดังกล่าว อีกทั้งทางโครงการชลประทานยังจะถ่ายโอนภารกิจให้ อบต.สว่างรับไปดูแล ซึ่งชาวบ้านมองแล้วเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง จึงได้ร่วมกันทำหนังสือร้องเรียนไปที่เครือข่าย ปปช.ร้อยเอ็ด เพื่อส่งต่อความเดือดร้อนและความต้องการ ไปถึงคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตรวจสอบแก้ไข เพื่อที่พี่น้องประชาชนจะได้น้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค และคุ้มค่ากับงบประมาณ 35 ล้านบาทที่ใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน


อย่างไรก็ตาม หลังลงพื้นที่สอดส่องติดตามข้อร้องเรียนของชาวประชาชนและเครือข่าย ปปช.ร้อยเอ็ด กรณีโครงการสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ ที่ไม่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน โดยพบเพียงคูคลองที่ยกสูงกว่าระดับน้ำในลำน้ำยังดังกล่าวแล้ว ดร.ฉลาด ขามช่วง ส.ส.จ.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการ ปปช.สภาผู้แทนราษฎร ยังได้กล่าวถึงกรณีตึก สตง.ถล่ม ที่กรุงเทพฯ ว่า หลังจากคณะ กมธ.ปปชฯ. และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว ก็จะได้เชิญผู้ว่าการ สตง.และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงในวันที่ 30 เม.ย.ที่จะถึงนี้ พร้อมตรวจสอบเอกสารโครงการ เช่น การบริหารสัญญา การจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้าง และอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีหลายประเด็นมาก โดยจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในโอกาสต่อไป