
วันที่ 25 เมษายน 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ริมแม่น้ำโขง ในพื้นที่ตำบลขามเฒ่า อำเภอเมืองนครพนม กำลังแข่งกับเวลา เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต “ลิ้นจี่ นพ.1” สายพันธุ์ขึ้นชื่อ เนื้อหวานฉ่ำ ลูกโตเต็มต้น บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ หลังผลผลิตปีนี้ให้ผลดกเป็นพิเศษ สร้างรายได้งามเป็นกอบเป็นกำถึงหลักแสนบาทต่อครัวเรือน แต่ความสุขของชาวสวนกลับต้องเผชิญกับความกังวล เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนถึง พายุฤดูร้อน ที่อาจพัดถล่มหลายพื้นที่ ทำให้ฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อผลผลิตลิ้นจี่ที่กำลังสุกงอม หากไม่เร่งเก็บเกี่ยว อาจสร้างความเสียหายอย่างหนัก










“ช่วงนี้ลิ้นจี่กำลังได้ราคาดี กิโลกรัมละ 80-100 บาท มีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงสวน บางคนก็เอาไปขายริมถนน ได้วันละหลายพันบาท แต่พอมีข่าวพายุมา พวกเราก็ต้องรีบเก็บกันแทบไม่ได้พัก กลัวฝนจะตกหนักแล้วลิ้นจี่จะร่วงเสียหายหมด” ชาวสวนลิ้นจี่ กล่าวด้วยความกังวล สำหรับ “ลิ้นจี่ นพ.1” ถือเป็นลิ้นจี่สายพันธุ์เด่นของนครพนม มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ โดยเล่ากันว่า เมื่อปี 2499 ญาติโยมได้นำลิ้นจี่จากทางภาคเหนือมาถวาย หลวงปู่จันทร์ เขมิโย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัด ต่อมาชาวบ้านนาโดนได้นำเมล็ดไปปลูกและขยายพันธุ์ จนกระทั่งปี 2517 ศูนย์วิจัยพัฒนาการเกษตรนครพนมได้นำไปปรับปรุงและตั้งชื่อว่า “นพ.1” ก่อนจะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกริมแม่น้ำโขง เนื่องจากสภาพดินที่เหมาะสม ทำให้ลิ้นจี่นครพนมมีผลผลิตดก ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ รสชาติหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ สร้างรายได้ปีละหลายสิบล้านบาท และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)
ท่ามกลางความกังวลเรื่องภัยธรรมชาติ ชาวสวนลิ้นจี่นครพนมต่างร่วมแรงร่วมใจกันเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาโอกาสทองในการสร้างรายได้ และหวังว่าพายุฤดูร้อนจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตอันมีค่านี้มากนัก ผู้บริโภคที่ชื่นชอบลิ้นจี่รสชาติดี ก็ไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลอง “ลิ้นจี่ นพ.1” ของนครพนมในช่วงนี้ ก่อนที่ผลผลิตจะหมดไปตามฤดูกาล