
ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เยี่ยมชมสวนลิ้นจี่ของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ ยกเป็นสินค้าเกษตรสร้างรายได้ตัวใหม่ของจังหวัด เกษตรจังหวัดเตรียมทำแผนส่งเสริมระยะยาว เจ้าของสวนยิ้มแป้น เปิดสวนเพียง 2 วันขายแล้วหมื่นกว่าบาท ซื้อหน้าสวน ก.ก.ละ 90 บาท
วันนี้ (25 เม.ย.68) นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วย นายสันติภาพ โทนหงส์สา เกษตรจังหวัดหนองคาย นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยี่ยมชมสวนเกษตรของนางบุญปอง เสนาคำ เกษตรกรที่บ้านสมสร้าง ตำบลหนองนาง อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ซึ่งได้ทำการปลูกลิ้นจี่เต็มพื้นที่ขณะนี้สามารถเก็บผลผลิตออกสู่ตลาดได้แล้ว



















นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า สวนลิ้นจี่ของนางบุญปองที่นี่ ได้ทำการเกษตรหลากหลาย จนมาพบพืชเศรษฐกิจอย่างลิ้นจี่ ได้ชิมแล้วรสชาติดี ผลใหญ่ จะมีการขยายผลให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและเกษตรกรในอำเภออื่น ๆ ให้เรียนรู้ การทำเกษตรอย่างจริงจังให้ได้คุณภาพ รับประกันได้ว่ารสชาติดี ผลใหญ่ ผู้ว่าฯการันตี
นายสันติภาพ โทนหงส์สา เกษตรจังหวัดหนองคาย กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ทำการส่งเสริมไม้ผลเศรษฐกิจคุณค่าสูง จ.หนองคาย โชคดีที่อยู่ติดแม่น้ำโขง มีการส่งเสริมการปลูกไม้ผล เช่น ทุเรียน กล้วยหอมทอง เงาะ มะพร้าว ในส่วนของลิ้นจี่ที่จังหวัดหนองคาย มีการปลูก 250 ไร่ เกษตรกรนำพันธุ์ลิ้นจี่จาก จ.นครพนม พันธุ์ นพ. มาปลูก ให้ผลผลิตดี พื้นที่เก็บผลผลิตได้ประมาณ 150 ไร่ ทิศทางการส่งเสริมสนับสนุน เกษตรกรหัวไวใจกล้า ลงทุนเอง จะช่วยดูแลด้านองค์ความรู้ให้ผลผลิตของเกษตรกรมีคุณภาพ มีรายได้ สำนักงานเกษตรกรจังหวัดหนองคายได้จัดทำแผนงานปี 2570 ไม้ผลคุณค่าสูงเป็นแผนของจังหวัดหนองคาย เพิ่มลิ้นจี่เป็นไม้ผลสร้างรายได้และสร้างชื่อเสียงให้จังหวัดหนองคายเพื่อส่งเสริมให้มากขึ้น เล็งตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยอาศัยรถไฟความเร็วสูง เกษตรกรที่ยังไม่มั่นใจหรือไม่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการปลูกลิ้นจี่ สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอได้ทุกแห่ง
นางบุญปอง เสนาคำ เกษตรกรชาวสวนลิ้นจี่ กล่าวว่า ได้ทำการเกษตรบนพื้นที่ 13 ไร่ ก่อนหน้านี้ปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง รวมถึงพืชระยะสั้น เช่น พริก มะเขือ ยาสูบ เป็นต้น ปลูกมาเยอะมาก แต่เจอปัญหาราคาตกต่ำ ก่อนหน้านี้ได้ไปดูงานที่ จ.นครพนม เห็นว่าสวนที่ไปดูงานได้ผลผลิตดี จึงอยากลอง หันมาปลูกลิ้นจี่ ตั้งแต่ปี 2562 ซื้อต้นพันธุ์ลิ้นจี่มา 50 ต้น ปลูกไว้ 2-3 ปี ได้ผลผลิตดี ขายได้ จึงเพิ่มการปลูก ซื้อต้นพันธุ์มาลงเพิ่ม ระยะแรกเกษตรกรไม่เห็นด้วยที่เปลี่ยนจากปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลังที่เก็บขายได้ทุกปี หันมาปลูกลิ้นจี่ นาน 3-4 ปี ถึงจะเก็บผลผลิตได้ แต่เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าลิ้นจี่ประสบปัญหาจากสภาพอากาศร้อนจัด ไม่ออกดอกออกผลเลย ในช่วงนั้นได้ปลูกลิ้นจี่ ร่วมกับ ทุเรียน มะม่วง และฝรั่ง ซึ่งลิ้นจี่ดูแลง่ายกว่าทุเรียน ส่วนฝรั่งต้องใช้วิธีห่อทุกลูกกันแมลง จึงทุ่มให้ลิ้นจี่อย่างเดียว รื้อผลไม้ชนิดอื่น ลงลิ้นจี่อย่างเดียว จนตอนนี้มีต้นลิ้นจี่ในสวนทั้งหมด 308 ต้น รสชาติของลิ้นจี่ที่สวน เนื้อเยอะ เม็ดเล็ก หวานฉ่ำ ปีแรกเก็บผลผลิตลิ้นจี่ขายได้หมื่นกว่าบาท แต่พอปีนี้เปิดสวนขายเพียง 2 วัน มีรายได้แล้วหมื่นกว่าบาท เก็บผลผลิตได้มากขึ้น เพราะต้นนึงจะเก็บได้ประมาณ 50 กิโลกรัม ขาย ก.ก.ละ 90 บาท ขายออนไลน์ด้วยที่เพจ บุญปอง เสนาคำ หรือ โทร093-3206532 ติดต่อซื้อได้ จนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ ก็จะเก็บผลผลิตหมดแล้ว.