
“รองนายกฯ ประเสริฐ” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในจังหวัดสุรินทร์ แม้ที่ผ่านมาไม่ประสบภัยแล้ง แต่ยังหวั่นฝนทิ้งช่วงลากยาว กำชับทุกหน่วยให้ความสำคัญน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นลำดับแรก

วันนี้ (26 เมษายน 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ แนวทางการบริหารจัดการน้ำและความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ ในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 ณ จังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สทนช. ร่วมติดตามสถานการณ์ โดยมี นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้แทนกรมชลประทาน ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ และโครงการอ่างเก็บน้ำบ้านเกาะแก้ว ตำบลเกาะแก้ว อำเภอสำโรงทาบ ตามลำดับ

รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในหลายพื้นที่ของประเทศ จึงได้มาติดตามรับฟังปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 13 เพื่อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ความช่วยเหลือทั้งแผนระยะเร่งด่วนและระยะยาว รวมถึงการพัฒนาแหล่งน้ำให้เกิดความยั่งยืนในพื้นที่ควบคู่กันด้วย เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่มีอยู่ค่อนข้างน้อย และมีแนวโน้มอาจประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่ได้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี พ.ศ. 2567 และปี พ.ศ. 2568 เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งสิ้น 389 โครงการ วงเงินงบประมาณ 2,263 ล้านบาท อาทิ การปรับปรุงระบบประปา การขุดลอกสระเก็บน้ำขนาดเล็ก และการเจาะบ่อบาดาลพร้อมระบบสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรน้ำและแก้ไขปัญหาด้านน้ำอย่างต่อเนื่องโดยเร็ว จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ให้กรมชลประทานเร่งดำเนินการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอกที่ได้รับอนุมัติงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงให้เสนอโครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำบ้านเกาะแก้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกักน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ให้จังหวัดเร่งเสริมสร้างความเข้มแข็งและความเข้าใจของกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อการใช้น้ำร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการอนุรักษ์พื้นที่รอบอ่างเก็บน้ำทั้งสองแห่ง เพื่อรองรับปริมาณน้ำอย่างเต็มศักยภาพ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหาแหล่งน้ำสำรองในช่วงฝนทิ้งช่วงเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ตามลำดับ และให้ สทนช. บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเข้มข้น เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากเหตุการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ เชื่อมั่นว่า การดำเนินการดังกล่าวจะสามารถช่วยให้จังหวัดสุรินทร์สามารถผ่านสภาวะฝนทิ้งช่วงปีนี้ไปได้

ด้าน เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สทนช. เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์อย่างใกล้ชิด โดยภาพรวมพบว่า ปริมาตรน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 2567 ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กทั้งหมด 1,990 แห่ง มีปริมาตรน้ำรวมกัน 68.27 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 34% ของความจุเก็บกัก ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีกำชับให้ สทนช. กำกับติดตามมาตรการรองรับฤดูแล้งและรับมือฤดูฝนอย่างต่อเนื่อง และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการแบบระบบลุ่มน้ำและกลุ่มลุ่มน้ำ

โดยในวันนี้หลังจากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอกและอ่างเก็บน้ำบ้านเกาะแก้ว ได้วางแผนให้มีการบริหารจัดการน้ำร่วมกันเพื่อสามารถรับมือฝนทิ้งช่วงและสถานการณ์อุทกภัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของคันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้นน้ำต่างๆ และดำเนินการขุดลอก/กำจัดวัชพืชในแหล่งน้ำหรือทางน้ำต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมทั้งให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกันของหน่วยงานในพื้นที่ และการเร่งสร้างการรับรู้และสร้างความเข้มแข็งในการติดตามเฝ้าระวังและรับมือภัยด้านน้ำให้กับเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด