
ศุลกากรหนองคาย ตรวจค้นรถโดยสารระหว่างประเทศ เจอต้นพันธุ์มะพร้าวยัดในช่องเก็บสัมภาระ 340 ต้น เตรียมนำออกนอกประเทศไร้เจ้าของแสดงตัว ศุลกากรยึดเหตุเป็นพันธุ์พืชสงวน ห้ามส่งออก

วันนี้ (27 เม.ย.68) ตามนโยบายของนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากรพร้อมด้วย นางกิจจาลักษณ์ ศรีนุชศาสตร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ทางศุลกากร ให้เข้มงวดในการป้องกันและปราบปราม ผู้กระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาทาง นางสาววรรณา ผู้อุตส่าห์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรหนองคายแจ้งว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (26 เม.ย.68) เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจสำนักงานศุลกากรหนองคายและเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่1 อ.เมืองหนองคาย ได้ร่วมกันทำการตรวจสอบรถโดยสารระหว่างประเทศไทย-ลาวเพราะจากการสืบสวนหาข่าวของหน่วยเฉพาะกิจสำนักงานศุลกากรหนองคาย สืบทราบมาว่ามีการลักลอบต้นพันธ์มะพร้าวมากับรถโดยสารระหว่างประเทศ จึงจัดชุดเฝ้าระวัง ต่อมารถโดยสารระหว่างประเทศไทย-ลาว เข้ามาในบริเวรด่านพรมแดน เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจึงได้ร่วมกันทำการตรวจค้นพบว่า มีต้นพันธ์มะพร้าวจำนวน 340 ต้น มูลค่าประมาณ 34,000 บาท อยู่ภายในช่องเก็บสัมภาระผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่สอบถามพนักงานขับรถ ทราบว่าเป็นเพียงคนขับรถแต่ไม่ทราบว่าขณะเปิดช่องสัมภาระเพื่อให้ผู้โดยสารนำสัมภาระมาเก็บ มีการนำสิ่งของดังกล่าวเข้ามาเก็บไว้เวลาใด และไม่ทราบเจ้าของ เจ้าหน้าที่สอบถามผู้โดยสารบนรถก็ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงได้แจ้งให้ทราบว่าต้นพันธุ์มะพร้าว ต้องมีใบอนุญาตประกอบการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 242,246 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากรพ.ศ.2560 ประกอบกับ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.พันธุ์พืช 2518 จากนั้นได้ริบของกลางทั้งหมดส่งสำนักงานศุลกากรหนองคายดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


อีกทั้ง มะพร้าว เป็นพืชสงวน ในจำนวน 11 ชนิด ตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งออกซึ่งพืชสงวน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรีและเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทดลอง หรือวิจับในทางราชการเท่านั้น ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 30 ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.