
น้องปิ่นลูกสาวของหญิงที่ป่วยติดเตียงจากอุบัติเหตุรถชน วัย 41 ปี หลังจากพ่อเสียชีวิต ต้องทนทุกข์ทรมานจากอุบัติเหตุรถชน จนทำให้มือขาลีบไม่มีแรง นอนติดเตียงมาเป็นปี เงินที่มีอยู่หมดไปแถมยังมีลูกอีก 3 คนที่กำลังเรียนหนังสือ บ้านที่อยู่สังกะสีรั่วและฝนสาดตลอด วอนผู้ใจบุญหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ

วันที่ 27 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวปะจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องขอจาก น.ส.อารีรัตน์ สุภากาดี หรือน้องปิ่น อายุ 17 ปี มีบ้านพักอาศัยเลขที่ 259 หมู่ที่ 8 บ้านโคกกระเพอ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่าหลังจากพ่อมีเกิดอุบัติเหตุ และพ่อเสียชีวิตแม่ออกจากโรงพยาบาลเดินไม่ได้นอนป่วยติดเตียง หน่วยงานเข้าช่วยเหลือเบื้องต้นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะตนเองต้องเรียนหนังสือ และดูแลน้องอีก 2 คน ซึ่งตนเองต้องกลับมาดูแลแม่ที่นอนป่วยติดเตียง ลำพังป้าก็มาช่วยดูเป็นบางครั้ง ซึ่งตนเองยังขาดหลายอย่างที่แม่ที่ป่วยติดเตียงต้องใช้ จึงอยากวอนผู้ใจบุญเข้าช่วยเหลือ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 259 หมู่ที่ 8 บ้านโคกกระเพอ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวมุงสังกะสีของนางสมฤดี สุภากาดี(ผู้ป่วยติดเตียง) อายุ 41 ปี ซึ่งนอนติดเตียงจากอุบัติเหตุจากการขับรถจักรยานยนต์ไปรับลูกสาวที่โรงเรียน ก่อนถูกรถบรรทุกดินชนประสานงากับรถรักยานยนต์คู่กรณี เมื่อวันที่ 18 มิ.ย 67 จนทำให้ร่างกาย สมอง แขนและขา ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักไม่มีแรงนอนติดเตียงมานานนับปี เงินที่เก็บออมเอาไว้ก็หมดไปเรื่อย ๆ ทั้งค่ารักษา ค่าเล่าเรียนลูกทั้ง 3 คน ซึ่งเรียนอยู่ ชั้น ม.5, ม.1 และชั้นประถมปีที่ 3 ซึ่งตนเองถือเป็นเสาหลักของครอบครัวหลังจากสูญเสียสามีไป แต่เมื่อมาเจอสภาพนอนติดเตียงแบบนี้ ไม่มีหัวหน้าครอบครัวที่จะคอยหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ทำให้เกิดความลำบาก ซึ่งยังมีความใจบุญของเพื่อนบ้านและ นายพงศ์พันธ์ พันธ์พงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตะตึงไถง ซึ่งทำอาหารกลางวันมาส่งให้ที่บ้านอยู่ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนบ้านก็ช่วยเหลือกันตามสมควร

ขณะที่ อบต.นอกเมือง และ อสม.ประจำตำบล ได้หมั่นแวะมาเยี่ยมเยือนดูแลบ่อย ๆ แต่ภาระของบ้านหลังนี้ยังไม่บรรเทาลง ทั้งจากสภาพบ้านที่เป็นหลังคาสังกะสี กลางวันร้อนจัดถึงร้อนระอุจากแดดที่แผดเผาลงมา หากเกิดฝนตกทั้งรั่ว และฝนสาดต้องขยับย้ายหนีฝนด้วยความยากลำบาก จากสภาพร่างกายที่แทบจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
น.ส.อารีรัตน์ สุภากาดี หรือน้องปิ่น วัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนสุรินทร์ราชมงคล กล่าวว่า ตนเองสงสารมารดามากต้องเจาะคอทุกวันนี้พูดแทบจะไม่มีเสียงแล้ว มือเท้าก็ไม่มีแรงและลีบ ตนเองต้องนวดมือเท้าให้มารดาทุกวัน อยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ และอยากได้ของใช้ประจำวันของแม่




ด้านนางทวีสุข เรืองเดช อายุ 48 ปี พี่สาว ซึ่งต้องเดินทางจาก จ.ศรีสะเกษ มาดูแลน้องสาวกว่า 1 ปี บอกว่า อย่าให้หน่วยงานมาช่วยเหลือซ่อมแซมบ้าน และช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าอาหารของหลานทั้ง 3 คน ที่เดินทางไปเรียน เพราะเงินจากเบี้ยพิการ คงไม่เพียงพอ วอนผู้ใจบุญ และหน่วยงานมาช่วยเหลือ
ซึ่งอำเภอเมืองสุรินทร์ โดยนายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ ได้มอบหมายให้ ดร.ดุษฎี ดวงใจ ปลัดอาวุโสเมืองสุรินทร์ ลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือมอบถุงยังชีพ พร้อมเปิดเผยว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ผู้ป่วย ได้รับเงินจาก การประสบอุบัติเหตุ ซึ่ง พรบ. จ่ายเงินช่วยเหลือมา 38,000 บาท พมจ. มอบเงินให้อีก 104,000 บาท โดยโอนเงินผ่านธนาคารกรุงเทพ จำกัด รวมถึงฝ่ายปกครอง อสม. กรรมกรหมู่บ้านและชาวบ้านร่วมบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง เป็นเงิน 10,000 บาท มูลนิธิรุ่งธนเกียรติ มอบเงิน 3000 บาท สถานีตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ มอบผ้าอ้อม ช้าวสารอาหารแห้งและ อบต.นอกเมืองสนับสนุนผ้าอ้อม เตียงและน้ำดื่ม โดย โรงเรียนบ้านตะตึงไถง จัดมอบทุนการศึกษา 1700/เทอมและทุนปัจจัยพื้นที่อีก 500 บาท/เทอม
ปัญหาคือยังไม่สามารถเบิกเงินที่มีอยู่ในบัญชีออกมาใช้ได้ เพราะ ทาง พมจ.เล็งเห็นถึงความสำคัญของกรณีฉุกเฉิน สามารถดึงเงินออกมาช่วยเหลือได้ทันที มีเพียงปัจจัยในชีวิตประจำวันของ ลูกทั้ง 3 คนเท่านั้นซึ่งเป็นนักเรียน
ทางคณะกรรมการหมู่บ้านจึงได้ทำการเปิดบัญชีขึ้นใหม่เพื่อให้ผู้ใจบุญ สามารถโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือเป็นค่าอาหารกลางวันสำหรับเด็กได้ โดยใช้ชื่อคณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้าน และ น.ส.อารีรัตน์ สุภากาดี หรือน้องปิ่น(ลูกสาว) เปิดบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาโรบินสันสุรินทร์ เลขบัญชีที่ 664-5-76122-8 เพื่อเป็นบัญชีความช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และค่าเล่าเรียนของบุตรทั้ง 3 คน ต่อไป