สุรินทร์-วอนขอความช่วยเหลือ หญิงชรา 2 แม่ลูก ถูกไล่ที่ออกจากบ้านที่ตนอาศัยอยู่ กำลังจะไร้ที่ซุกหัวนอน
กรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ได้โพสต์ข้อความ “#ทุกข์ชาวบ้าน พม.จว.สุรินทร์ และผู้นำชุมชน ในพื้นที่ ควรจะลงไปดูแลหน่อย สวัสดีค่ะ คุณแอดมิน ขอโทษนะค่ะที่รบกวนหนูมีเรื่องจะรบกวนคุณแอดมินค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าป้าข้างบ้านหนูค่ะแกยากจนมาก ทุกคนในครอบครัวแกเคยเป็นบ้าแล้วลูกสาวแกก็ไม่ค่อยเต็ม แกได้เงินจนพิการเดือนละ 1,500บาท ตอนนี้แกถูกหลานพยายามไล่ออกจากที่ซึ่งเป็นบ้านแกเอง และเป็นที่ดินที่แกอาศัยอยู่เป็นของแม่แก่ซึ่งตาบอด และเสียชีวิตไปแล้ว แต่ด้วยเป็นมรดกยังไม่ได้แบ่งให้ลูกๆของยายที่เสียไปแล้วสักคนเลยค่ะและหลานก็ต้องการทีจะเอาทีดินไปคนเดียว หนูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอะไรกับแกทังนั้น แต่หนูเห็นหลานแกไล่แกจากบ้านทุกวันหนูสงสารแก เคสนี้สามารถช่วยแก้ได้ไหมค่ะ แกอาศัยอยู่ที่ บ้านโคกสมบูน์ ตำบล ศรีสุข อำเภอสำโรงทาษ จังหวัด สุรินทร์ค่ะ ผู้ใหญ่บ้านก้อไม่เคยสนใจ เลยถามข่าวก้อไม่มี นี้คือรูปภาพแกกับลูกสาวนะค่ะ ฐานะแกยากูจนมากตอนนี้แกถูกหลานสาวขับไล่ออกจากทีทุกวันโด้นด่ากั้น แกล้งทุกวันแกไม่มีทีไปค่ะ แกได้เงินคนพิการทั้งแม่และลูกประทังชีวิตเดือนล่ะ1400 สองคนรวมกันและก้อ พยายามเก็บของเก่าขายได้บ้างไม่ได้บ้างค่ะอดๆอยากๆ ลูกแกก็สติไม่ค่อยดีค่ะืแกไม่มีโทรศัพท์นะค่ะ หนูแค่อยากจะประสานงานเพื่อมีลู่ทางที่จะช่วยแกได้บ้าง พอจะมีลู่ทางที่จะช่วยแกได้ไหมค่ะ แกถูกหลานสาวเอามรดกจากแม่แกที่เสียชีวยไปแล้วไปหมดเลยค่ะและไม่ได้แบ่งแกเลยไล่ออกจากที สภาพบ้านแกนะค่ะ พอจะมีลู่ทางช่วยแกหรือองค์กรไหนที่จะสามารถช่วยแกได้ไหมค่ะ หนูสงสารแก ขนาดขอถ่ายรูปกยังต้องแอบถ่ายเลยเดี่ยวหลานสาวเกมาเจอจะมาด่าแกอีก”








วันที่ 15 มิ.ย. 2565 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่บ้านเลขที่ 53 ม.14 บ้านโคกสมบูรณ์ ต.ศรีสุข อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเรือนไม้ขนาดใหญ่ 2ชั้น ห้องน้ำผุพัง โดยมีแม่และลูกอาศัยนอนอยู่ภายในบ้านชั้นล่าง และพบหญิงวัย 69 ปีพิการขาซ้าย และหญิงวัย 39ปีป่วยจิตเวช สองแม่ลูก ซึ่งสองแม่ลูกนั่งเศร้าสร้อย ในตาฉายแววว่าทุกข์ใจ ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตา เพราะหลานสาวจะไล่ออกที่ดิน ให้ออกไปจากบ้านที่เคยอยู่อาศัยตั้งแต่เล็กจนโต โดยถูกตะโกนไล่ทุกวัน ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะไปอยู่ที่ไหนเพราะมรดกของแม่นั้น หลานสาวคนนี้ได้เป็นผู้จัดการมรดก โดยสองแม่ลูก หวังใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่บ้านที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ตั้งแต่วัยเด็ก และอยู่กันมาจนแก่ชรา ตอนนี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ร้องไห้จนจะไม่มีน้ำตา เพราะไม่รู้ว่าต่อไปนี้จะอยู่อย่างไร จะไปอยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไปแล้ว งานที่ทำก็แค่เก็บของเก่าขายประทังชีวิต พูดได้คำเดียวว่าหากต้องถูกไล่ออกจากบ้านหลังนี้คงตายคาบ้าน เนื่องจากความผูกพันที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กจนแก่เฒ่าปูนนี้ คงต้องถึงที่สุดของชีวิตคือเสียใจจนตาย ประกอบสองแม่ลูกก็พิการ อาศัยเบี้ยคนพิการและเบี้ยผู้สูงอายุรวมกันสองพันกว่าบาท แต่ออกไปเก็บของเก่าขายประทังชีวิต แต่ก็ยังมีเพื่อนบ้านที่บ้านติดกัน คอยช่วยเหลือนำอาหารมาให้ทุกเช้าเย็น นอกจากนี้ด้วยความแก่ชรา อีกทั้งต่างคนต่างก็มีโรครุมเร้า พิการเดินก็ไม่ค่อยไหว วอนขอความช่วยเหลือจากทนายจิตอาสาที่ช่วยเหลือประชาชน และผู้ใจบุญมาช่วยเหลือ ให้ได้อาศัยอยู่ในบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็กต่อไปจนกว่าจะตาย
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องมาถูกไล่ที่ในครั้งนี้สองแม่ลูก ต่างเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านที่อยู่เป็นบ้านของพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว และได้มอบให้หลานสาวเป็นผู้ดูแลมรดกแต่ก็ยังไม่มีการแบ่งที่ดินกันทั้งที่นาและที่บ้าน ซึ่งสองแม่ลูกจะถูกหลานสาวคนนี้ตะโกนด่าว่าพร้อมกับไล่ให้ออกจากที่ดินบริเวณนี้ทุกวัน
นางจันสี สุขเสริม (เสื้อยืดลายดอกนุ่งผ้าถุง) อายุ 69 ปี ผู้พิการขาซ้าย เล่าว่า ตนนั้นเคยทำงานเป็นช่างก่อสร้างหลายปี และได้เกิดอุบัติเหตุเดินล้มแผ่นปูนทับขาทำให้พิการขา ตนจึงได้กลับมาอยู่ที่บ้านแม่หลังนี้หลังจากทำงานก่อสร้างไม่ได้แล้ว และก่อนที่แม่ตนจะเสียชีวิตลงแม่ตนได้มอบให้หลานสาวเป็นผู้จัดการมรดก แต่พอแม่ตนเสีย ตนก็อยู่บ้านและที่ดินหลังนี้มาตั้งแต่เกิด หลานสาวก็จะมาไล่ตนออกจากที่ดินบริเวณบ้านนี้ ซึ่งยังไม่ได้แบ่งที่ดินให้กับญาติพี่น้องเลย ตนนั้นมีลูกสาว 1คน สามีเสียชีวิตไปแล้ว ซ้ำลูกสาว อายุ 39 ปี ก็พิการทางสมอง(จิตเวช) อีกด้วย ต้องกินยาประจำทุกวันและคอยไปหาหมอทุกเดือน ตนนั้นมีรายได้จากเบี้ยพิการ 800 ต่อเดือนและเบี้ยคนชราได้ 600 บาทต่อเดือน ส่วนลูกสาวตนนั้นได้เบี้นคนพิการ 800 บาทต่อเดือนรวมแล้วได้เงินช่วยเหลือจากรัฐ 2,200 บาทต่อเดือน ตนนั้นไม่รู้เรื่องกฏหมายอะไรเลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้ที่ที่เป็นมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้มาใช้ทำมาหากิน ตนนั้นไม่ได้ต้องการอะไร เพียงแค่อยากได้ที่ดินของตนคืนเพื่อนำมาประกอบอาชีพเลี้ยงชีวิตตนและลูกสาวต่อไป ไม่อยากรบกวนหรือทำให้ใครเดือดร้อนต้องมาดูแล ดีที่มีเพื่อนบ้านข้างบ้านคอยเมตตาให้ข้าวให้น้ำกินประทังชีวิตทุกวัน ตลอด 3-4ปี มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอวอนทนายจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ยาก หรือใครก็ได้ ช่วยคุยกับหลานสาวให้ใจอ่อนแบ่งที่ให้กับตนเท่านั้น เพราะเมื่อโดนไล่ที่ออกไปแล้วก็ไม่รู้จะพากันไปอยู่ไหน ที่จะปลูกสร้างบ้านก็ไม่มี เงินจะสร้างก็ไม่มี จะกินเข้าไปทุกวันยังแทบจะไม่มีเลย จึงอยากขอความเห็นใจ อย่างน้อยก็ให้เห็นแก่ชีวิตบั้นปลายของหญิง 2 แม่ลูก นางจันสีกล่าวทั้งน้ำตา
สัมภาษณ์ นางเพือง (เสื้อลาย) อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านอยู่ด้านหน้าบ้านยายจันสี ได้เล่าให้ผู้สื่ข่าวฟังว่า ตนนั้นสงสารนางจันสีและลูกสาวนางจันสีมาก เห็นอยู่กันด้วยความลำบาก ตนนั้นจึงเรียกให้มาเอาข้าวกับข้าวให้ไปกินทุกวัน ตนกินอะไรนางจันสีและลูกสาวก็กินแบบนั้นเช่นกัน ทำแบบนี้มาตลอด3-4 ปีแล้ว เพราะตนเคยลำบากมาก่อนรู้ดีว่าทุกข์เป็นอย่างไร ตนเห็นสภาพนางจันสีโดนหลานสาวมาไล่ที่เป็นประจำ สงสารจับใจ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลนางจันสีด้วยและช่วยให้ความเป็นธรรมกับนางจันสีและลูกสาว เพราะตนกลัวว่านางจันสีจะไม่มีที่อยู่อาศัย
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปสอบถาม กำนัน บุญทอง ภาคพรม (เสื้อโปโลสีครีม) กำนันตำบลศรีสุข อ.สำโรงทาบ จ. สุรินทร์ และได้สอบถามเรื่องดังกล่าว กำนนันบุญทอง เล่าว่า ตนนั้นนั้นพอทราบเรื่องของนางจันสีมาบ้างแล้ว เคยสอบถามด้านหลานสาวนางจันสีซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และเป็นหลานสาวของนางจันสีซึ่งแม่ของหลานสาว (คือน้องสาวของนางจันสีแต่ได้เสียชีวิตไปแล้วหลายปี) ได้ความว่า ตอนยายป่วย(แม่ของนางจันสี ) ได้มอบที่ดินให้ตน1ผืน และยังมีไรนาอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่ได้แบ่งเพราะยังไม่มีเงินที่จะทำเรื่องรังวัด และป้าๆน้าๆก็มีทั้งคนพิการและจิตเวช ต้องรอมากันครบก่อนแล้วจะจัดการพูดคุยกัน ด้านการข่สยเหลือตนก็เข้าไปดูแลบ้างแต่ก็ไม่ได้มากนัก กำนันกล่าว
ทั้งนี้ หากมีผู้ใจบุญอยากให้การช่วยเหลือหญิง 2แม่ลูก สามารถทำบุญช่วยเรื่องทนายความอาสาต่อไป