ฮึดสู้ชีวิต! หนุ่มพิการอัมพฤกษ์ป่วยติดเตียงกว่า 6 เดือน มีเพียงเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนด้วยกันเข้าช่วยนำอาหารและน้ำมาให้ ขณะที่หนุ่มพิการอยากเจอที่สุดคือลูกชายฮึดสู้ลุกเดินได้ทำน้ำหมักชีวภาพขายขวดละ 20 บาทและปลูกผักไว้กิน









หนุ่มวัย 41 ปี เกิดวูบขณะทำงานต้องกลายเป็นผู้พิการอัมพฤกษ์ อัมพาต ป่วยติดเตียงกว่า 6 เดือน ชีวิตอยู่ได้ด้วยเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันและทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)ที่คอยนำอาหารมาให้กินหรือก็จะเป็นไข่ไก่แผงหนึ่งพร้อมกล้วยและน้ำดื่ม หลังจาก 6 เดือนจากที่นอนติดเตียงมาหนุ่มวัย 41 ปีได้ฮึดสู้อีกครั้งในการสวดมนต์ภาวนาพร้อมทั้งขยับแขนขาจนกระทั่งเดินได้ต้องใช้ไม้เท้าช่วย แขนขวาขยับได้แต่แขนซ้ายยังขยับไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง หนุ่มวัย 41 ปีจึงได้ทดลองทำน้ำหมักชีวภาพจนสำเร็จและขายในราคาขวดละ 20 บาท พร้อมกันนี้ยังปลูกพืชผักเพื่อไว้กินโดยที่ไม่อยากให้ลำบากกับเพื่อนร่วมรุ่น

วันที่ 2 มิถุนายน 2566 ทีมข่าวได้รับแจ้งจากทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)และเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันของโรงเรียนสุรวิทยาคารสุรินทร์ และโรงเรียนเมืองสุรินทร์ มาเยี่ยมผู้ป่วยพิการอัมพฤกษ์ อัมพาตป่วยติดเตียง มาที่ห้องเช่าเลขที่ 7/61 ถนนเทศบาล 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) อายุ 41 ปี บ้านพักตามบัตรประชาชนเลขที่ 7/5 ถ.เทศบาล 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ทันทีที่ทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)และเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันพบเจอก็ได้พูดว่าเอกพวกผมดีใจที่เอกเดินได้ ซึ่งช่วงนั้นเอกกำลังแกะเมล็ดถั่วดาวอินคา ซึ่งสรรพคุณของถั่วดาวอินคา คือ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด, ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งยังป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของไขมัน จึงทำให้ถั่วดาวอินคามีสรรพคุณช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้














นายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) เช่าห้องอยู่กับภรรยาและลูกชาย ซึ่งก่อนจะมาป่วยติดเตียงนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ)เป็นคนนิสัยดีขยันทำงานขับรถแก็ปส่งอาหารสักพักก็ไปทำงานอยู่ร้านกาแฟปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ก่อนจะเกิดวูบเส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลันเป็นผู้พิการ ทำให้ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงอัมพฤกษ์ อัมพาตนอนติดเตียงกว่า 6 เดือน
สภาพปัจจุบัน นายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) อายุ 41 ปี พ่อแม่เสียหมด ญาติก็ไม่สนใจ ต้องอยู่ในสภาพนอนอยู่บนเตียงภายในห้องเช่า มีภรรยา(ไม่ขอเอ่ยนาม)และลูกชายวัย 3 ขวบ คอยดูแลอยู่ไม่ห่างตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ทั้งคอยป้อนน้ำป้อนข้าว เช็ดตัวให้ แต่เนื่องด้วยปัจจุบันทำให้รายได้ในครอบครัวเริ่มขาดหายไป จึงทำให้ลำบากมาก








ขณะที่ทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)และเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนสุรวิทยาคารสุรินทร์ทราบข่าวจึงได้เข้าช่วยเหลือในด้านข้าวสารอาหารแห้งและเงินจำนวนหนึ่งและยังคอยนำอาหารมาให้ตลอด กระทั่งเข้าเดือนที่ 5 ภรรยา(ไม่ขอเอ่ยนาม)ได้หอบลูกชาย 3 ขวบและเงินจำนวนหนึ่งที่เพื่อนร่วมรุ่นช่วยกันบริจาคพร้อมกับรถจักรยานยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดของนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ)ไป ซึ่งช่วงนั้นนายเอกได้ติดต่อภรรยาได้จึงรู้ว่าไปอยู่ที่อำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ หลังจากนั้นผ่านไปเดือนที่ 6 นายเอกก็ติดต่อไม่ได้พร้อมทั้งมีพนักงานมาขอยึดรถจักรยานยนต์ที่ภรรยาเอาไปนายเอกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่บอกว่าให้หายดีก่อนแล้วจะไปตามให้ พอมาเดือน 7 นายเอกได้ฮึดสู้ชีวิตโดยการพยายามลุกนั่งด้วยตัวเองพร้อมทั้งสวดมนต์ภาวนาและยังขยับแขนขาจนกระทั่งเดินได้ต้องใช้ไม้เท้าช่วย แขนขวาขยับได้แต่แขนซ้ายยังขยับไม่ได้ แต่ก็ไม่ท้อและไม่อยากให้เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันต้องลำบากมาดูแล จึงได้ทดลองทำน้ำหมักชีวภาพจนสำเร็จและขายในราคาขวดละ 20 บาท พร้อมกันนี้ยังปลูกพืชผักเพื่อไว้กินโดยที่ไม่อยากให้ลำบากกับเพื่อนร่วมรุ่น
นายเขตไผท ชาญเมืองปักและนายโสฬส ไตรโสภณ (เพื่อนเรียนร่วมรุ่น) กล่าวว่า ทางตนและเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันได้ช่วยกันตั้งแต่วันที่นายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) วูบล้มด้วยเส้นเลือดในสมองแตกอัมพฤกษ์ อัมพาตป่วยติดเตียงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว พอมาเดือนมิถุนายน 2565 ตนพร้อมด้วยเพื่อนร่วมรุ่นก็นำเตียงผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสุรินทร์มาให้พร้อมกับช่วยเครื่องอุปโภคบริโภคและเงินอีกจำนวนหนึ่งให้กับนายเอก ช่วงนั้นภรรยาและลูกนายเอกยังดูแลอยู่ พอมาระยะ 2-3 เดือน ทางตนและเพื่อนร่วมรุ่นมาทราบอีกที่ว่าภรรยาและลูกของนายเอกนั้นหายไปพร้อมกับเงินจำนวนหนึ่งและรถจักรยานยนต์ ตนและเพื่อนร่วมรุ่นจึงได้ปรึกษาทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน) จึงได้มีความคิดร่วมกันว่าช่วยนายเอกเท่าที่พอช่วยได้คือนำอาหารไปให้หมุนเวียนกันไป โดยนายเอกไม่ขออะไรมากขอเพียงไข่ไก่ และกล้วยสุก น้ำดื่มเท่านั้น และมาวันนี้เดือนมิถุนายน 2566 เข้า 1 ปีพอดี ตนและทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)ได้เห็นนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) ใช้ไม้เท้าค่อยๆเดินไปมาและนั่งแกะถั่วดาวอินคาไว้กิน ตนรู้สึกว่าตนและพวกเพื่อนร่วมรุ่นดีใจมากที่นายเอกลุกขึ้นสู้และเดินได้
นายวิภูษิต มีสิทธิ์ (เสื้อสีดำ) ทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน) กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนสุรวิทยาคารสุรินทร์ได้มาเยี่ยมนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) ที่ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตป่วยติดเตียง ตนรู้สึกดีใจที่เห็นนายเอกใช้ไม้เท้าพยุงตัวเองเดินไปไหนไปทำอะไรด้วยตัวเองได้ ตนจึงบอกกับนายเอกว่าพยายามเข้าไว้เดี๋ยวจะได้กลับมาเหมือนเดินเหมือนคนปกติ ตนได้ช่วยเหลือเงินจำนวนหนึ่งไว้คอยซื้ออาหารให้ทุกเดือนอีกด้วย
ทางด้านนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) กล่าวว่า ตนลำบากมากช่วงที่ตนนอนติดเตียง ช่วงนั้นมีภรรยาคอยดูแลและเพื่อนๆเข้ามาช่วยเหลือ พอมาช่วงที่ภรรยาและลูกได้หายไปตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร เข้าใจว่าทางภรรยาก็ต้องกินใช้มีภาระต้องดูแลลูกและแม่ ตนจึงไม่เหนี่ยวรั้งภรรยาไว้ เพราะตนนั้นก็ยังไม่สามารถดูแลภรรยาและลูกได้เนื่องจากป่วย ตนก็ได้ทางทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)และเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันของโรงเรียนสุรวิทยาคารสุรินทร์ และโรงเรียนเมืองสุรินทร์ เข้าช่วยเหลือด้านอาหารหารกิน โดยส่วนมากตนไม่ขออะไรมากมีแค่ไข่ไก่ กล้วยสุกและน้ำไว้คอยกินประทังชีวิต ตนจึงคิดว่าถ้าทีมทนายเบิร์ด วิภูษิต(เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน)และเพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนมาด้วยกันเขาจะมีเวลามาดูแลตนได้ตลอดไหม ตนจึงตัดสินใจฮึดสู้ในการพยายามลุกนั่งสวดมนต์ภาวนาพร้อมทั้งขยับแขนขาจนกระทั่งเดินได้ต้องใช้ไม้เท้าช่วย แขนขวาขยับได้แต่แขนซ้ายยังขยับไม่ได้ (ร่างกายซีกซ้ายอ่อนแรง) พร้อมกันนี้ตนยังทำน้ำหมักชีวภาพขายขวดละ 20 บาท ส่วนมากจะขายได้ช่วงเวลาเพื่อนมาเยี่ยมก็จะพากันช่วยซื้อ 5 ขวด 10 ขวดบ้าง พร้อมกันนี้ตนยังทดลองปลูกพืชผักไว้กินยามเพื่อนไม่ว่าง ซึ่งตนขยับไปไหนก็ได้แต่จะช้าอะไรทำได้ก็ทำอย่าให้ลำบาเพื่อน นอกจากไข่ไก่ตนหมดหรือกล้วยหมดตนก็จะรบกวนนายเขตไผท ชาญเมืองปักหรือนายโสฬส ไตรโสภณ ให้ช่วยซื้อมาให้ตน
ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องค่าเช่าห้องที่นายเอกได้อาศัยอยู่ ก็ทราบว่า เจ้าของห้องเช่านั้นสงสารตน เพราะตนอยู่มานานเกือบ 10ปี ที่ห้องเช่านี้ เจ้าของห้องเช่าสงสารนายเอก จึงได้ให้อยู่ฟรีทั้งไม่คิดค่าน้ำค่าไฟมาแล้วก็1 ปีอีกด้วย ตนเองก็อยากตอบแทนเจ้าของห้องเช่า โดย จะทำการคอยจดเลขมิเตอร์น้ำและมิเตอร์ไฟของผู้เช่าห้องรายอื่นๆ (มี 6ห้องเช่า) ส่วนเรื่องภรรยาและลูกชายของนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) นั้น ทางนายเอกเองติดต่อไม่ได้รู้เพียงว่าไปอยู่ที่อำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนายเอก นั้นสิ่งที่อยากเจอมากที่สุดคือลูกชายวัย 3ขวบ โดยเพื่อนที่ขนมมาให้ นายเอกนั้นก็จะเก็บไว้ให้ลูกชายกินเผื่อสักวันลูกจะกลับมาเยี่ยมพ่อ (พูดออกมาทั้งน้ำตา) จึงขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือนายเอก เพราะนายเอกอยากมีอาชีพทำ ขณะนี้ตนพึ่งได้บัตรผู้พิการมาได้ไม่กี่วัน สิ่งที่ตนต้องการไข่ไก่ กล้วยและน้ำดื่ม
ทั้งนี้ นายเอกสิทธิ์ สาคเรศ หรือเอก (ผู้พิการ) ยังกล่าวให้กำลังใจกับคนที่ท้อแท้ว่า อย่าท้อแท้ขอให้รู้ว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ปัญหาทุกอย่างมีไว้แก้ บางคนเจอปัญหาก็คิดสั้นฆ่าตัวตายซึ่งไม่ถูกต้อง ขอให้ทุกคนสู้ชีวิต พร้อมทั้งขอบคุณผู้ใจบุญร่วมบริจาคในครั้งนี้ด้วย
สำหรับ ผู้ใจบุญที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ สามารถบริจาคช่วยเหลืออาหารการกินอื่นๆ ได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขามหาวิทยาลัยราชกัฏ สุรินทร์ เลขที่บัญชี 644-045175-2 ชื่อบัญชีนายเอกสิทธิ์ สาคเรศ (ผู้พิการ) โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์: 095-9676927