เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 18 ก.ค. 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.กิตติพงษ์ จิตคาม ผกก.สส. 3 บก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.สุเมธ พิทักษ์เกียรติยศ ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.4 และนายภิญโญ โฆสิต ผอ.ปปส.ภ.4 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายเอก อายุ 49 ปี (นายกิตติศักดิ์ มานัส อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/4 ม.7 ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีเจ้าตัวไม่ยินยอมให้แถลงข่าว) พร้อมของกลางยาบ้า 4,072,000 เม็ด ,รถยนต์ฮอนด้า CRV สีเทา หมายเลขทะเบียน 2 กถ- 9376 กรุงเทพฯ ขณะขับรถผ่านด่านตรวจ ในเขต อ.พล จ.ขอนแก่น


พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบขนยาบ้าจากพื้นที่ อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ โดยมักจะอาศัยช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำการขนยาบ้าจากภาคอีสานปะปนกับรถประชาชนจำนวนมากไปยังพื้นที่ภาคกลาง จึงจัดกำลังตรวจสอบรถต้องสงสัยที่ใช้เป็นยานพาหนะ และตั้งจุดตรวจตรวจสกัดในพื้นที่ภาค 4 จนกระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัย ขับเข้าไปในจุดตรวจบนถนนมิตรภาพ หน้า รพ.พล อ.พล จ.ขอนแก่น โดย คนขับจอดรถและพยายามทิ้งรถหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้


“จากการตรวจสอบในรถพบกระสอบปุ๋ยสีขาว จำนวน 10 กระสอบ อัดแน่นในรถ เมื่อแกะกระสอบออกดู จึงพบว่า เป็นกระสอบบรรจุยาบ้าทั้งหมด รวม 4,072,000 เม็ด จึงควบคุมตัวนายเอกมาทำการสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ไม่มีงานทำ และในจังหวะที่ออกไปรับประทานอาหาร ที่ร้านอาหารตามสั่งในพื้นที่อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ก็พบกับชายอายุประมาน 50 ปี เข้ามาพูดคุยด้วย และได้พบกันหลายครั้งจนเป็นที่ไว้ใจกัน จากนั้นชายคนดังกล่าว ได้ชวนให้ทำงานขับรถรับจ้าง และจ้างให้ขับรถเก๋งคันดังกล่าว จากอ.ปากคาด จ.บึงกาฬ ไปส่งสินค้าให้ลูกค้าในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ในราคา 80,000 บาท นายเอก จึงรับทำงานดังกล่าว โดยมีการนัดหมายรับและไปขับรถในพื้นที่อ.ปากคาด ในช่วงวันศุกร์ จากนั้นก็ขับตามเส้นทาง อ.ปากคาด อ.โพนพิสัย อ.บ้านดุง อ.หนองหาน และอ.กุมภวาปี แล้วออกมายังถนนมิตรภาพในช่วงเช้าวันเสาร์ และมุ่งหน้าไปยังจ.สระบุรี ตามถนนมิตรภาพ”
พล.ต.ท.ยรรยง กล่าวต่อว่า เมื่อนายเอกขับมาพบจุดตรวจของตำรวจ จึงถูกจับกุมตัวได้ โดยรับสารภาพอีกว่า ทำครั้งแรก และไม่รู้ว่าในกระสอบเป็นยาบ้า ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจับกุมเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการขนยาบ้าในครั้งนี้มาดำเนินคดีตามกฏหมาย รวมถึงขยายผลไปสู่การยึดทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสอบสวน ได้คุมตัวส่งพนักงานาอบสวนสภ.พล ดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย